กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินหน้าเชื่อมโยงบริหารจัดการแบบองค์รวม ด้วยการเสริมศักยภาพผู้บริหารยุคใหม่เป็นต้นแบบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแผนรับมือปัญหาโลกร้อนของประเทศ

นายวราวุธศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางของประเทศเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ในงานเปิดการศึกษาอบรมหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 10 (ปธส. 10) จัดโดย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) ว่า ได้ให้ความสำคัญการเสริมสร้างศักยภาพของนักบริหารระดับสูงให้เป็นผู้บริหารยุคใหม่ที่พร้อมเป็นต้นแบบดำเนินกิจกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงบริหารจัดการแบบองค์รวม บูรณาการตามหลักธรรมาภิบาล และสร้างเครือข่ายความร่วมมือทุกภาคส่วน ซึ่งที่ผ่านมาเวทีการประชุมระดับโลกและระดับภูมิภาคได้หยิบยกปัญหาโลกร้อนเป็นประเด็นสำคัญ เช่นเดียวกับประเทศไทยที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงและมีค่าดัชนีความเสี่ยงด้านภูมิอากาศโลก (CRI) เป็นลำดับที่ 9 ของโลก โดยจะถูกประเมินตัวชี้วัดที่ใช้คำนวณมี 4 ตัว คือ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ // จำนวนผู้เสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คน // ความสูญเสียทางเศรษฐกิจของความเท่าเทียมกันของอำนาจการซื้อ (PPP) และความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดจากร้อยละของจีดีพี ทำให้ไทยเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม จนต้องปรับปรุงยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ และการจัดทำเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 2 มีเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกลดลงร้อยละ 30 – 40 จากกรณีปกติภายในปี 2030 รวมถึง เพิ่มเติมรายงานข้อมูล การปล่อย และการดูดซับก๊าซเรือนกระจกในภาคป่าไม้ และเพิ่มเติมผลสำเร็จในภาคพลังงาน คมนาคมขนส่ง กระบวนการอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ น้ำเสียจากอุตสาหกรรม และการจัดการของเสียชุมชน โดยภาคภาคธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจรองรับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เช่น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ธุรกิจแบบปล่อยคาร์บอนต่ำ ลงทุนน้อยได้มาก จัดทำกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ สร้างกลไกการมีส่วนร่วมภาครัฐและเอกชน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงมาใช้

ด้าน นายสมศักดิ์ สรรพโกศลกุลอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม (สส.) กล่าวว่า หลักสูตรนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพผู้สำเร็จการศึกษาอบรมให้เป็นบุคลากรที่มีความรู้ความเข้าใจการจัดการสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวมและบูรณาการตามหลักธรรมาภิบาล เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นต้นแบบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือการจัดการสิ่งแวดล้อมทุกภาคส่วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ มีระยะเวลาการศึกษาอบรมรวม 182 ชั่วโมง แบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 กลุ่มวิชา คือ กลุ่มวิชาที่ 1 หลักธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมและยุทธศาสตร์การบริหารจัดการสำหรับผู้บริหาร // กลุ่มวิชาที่ 2 กระแสโลกและแนวโน้มด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม // กลุ่มวิชาที่ 3 เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม // กลุ่มวิชาที่ 4 การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกลุ่มวิชาที่ 5 การเสริมสร้างประสบการณ์เชิงประจักษ์ โดยได้รับความร่วมมือจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยดูแลเนื้อหาด้านวิชาการและบริหารจัดการหลักสูตร

แหล่งที่มา