ในอดีตประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลยังไม่ถูกรกราน จึงชุกชุมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ต่อมาเมื่อมีการค้าขายและเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างชาติ สัตว์ป่าจึงเป็นสินค้าส่งออกที่ได้รับความนิยม ดังหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ปรากฏว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มีการส่งนอแรด งาช้าง และของป่าไปขายยังต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ชีวิตสัตว์ป่าเริ่มถูกรุกรานทำให้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนถึงกับต้องออกกฎหมายมาควบคุม โดยกฎหมายฉบับแรกเกิดขึ้นในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อบังคับใช้ในการล่าช้างป่า
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ราษฎรยังมีการคล้องช้างป่า เพื่อนำช้างมาใช้งานเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล็งเห็นถึงปัญหาที่ตามมา จึงได้ทรงตราพระราชบัญญัติสำหรับรักษาช้างป่า รศ. 119 (พ.ศ. 2443) ขึ้น เพื่อให้ช้างป่าไม่ถูกทอดทิ้งให้อดอยากหรือได้รับการทรมาน
จนถึงยุคมืดของสัตว์ป่า เมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาวุธยุทโธปกรณ์อันทันสมัยที่ใช้ในสงคราม ได้ถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นอาวุธของผู้ชื่นชอบการล่าสัตว์ป่า ขณะที่การพัฒนาประเทศและการเพิ่มจำนวนประชากร ทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่ามากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้จำนวนของสัตว์ป่าลดลงอย่างรวดเร็ว จนถึงขั้นที่สัตว์ป่าบางชนิด เช่น สมัน ต้องสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยอย่างน่าเสียดาย
ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ พระยศของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในขณะนั้น และเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ได้ลงนามในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ขึ้น เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2503 เพื่อเป็นกฎหมายแม่บทในการปกป้องทรัพยากรสัตว์ป่าของประเทศฉบับแรกของไทย ซึ่งภายหลังได้มีการปรับปรุงเป็นพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2535 และอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ทันต่อสมัยและเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงถือเอาวันที่ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ซึ่งตรงกับวันที่ 26 ธันวาคม ของทุกปี เป็น "วันคุ้มครองสัตว์ป่าแห่งชาติ" เพื่อตระหนักถึงคุณค่าและการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์ป่าให้คงอยู่ในป่า อันจะช่วยให้ทรัพยากรธรรมชาติของชาติกลับคืนความอุดมสมบูรณ์ดังเช่นในอดีตสืบไป
ประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เรื่อง ห้ามเลี้ยงดูหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่า
ด้วยพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 และกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ กฎกระทรวง ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2537) และกฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง หรือซากของสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนี้
1. สัตว์ป่าสงวน 15 ชนิด ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร แรด กระซู่ กูปรีหรือโคไพร ควายป่า ละองหรือละมั่ง สมันหรือเนื้อสมัน เลียงผาหรือเยืองหรือกูรำหรือโครำ กวางผา นกแต้วแล้วท้องดำ นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมเสร็จ เก้งหม้อ พะยูนหรือหมูน้ำ
2. สัตว์ป่าคุ้มครอง จำพวกเลี้ยงลูกด้วยนม 189 ชนิด เช่น กระต่ายป่า กระรอก เก้ง กวาง ค่าง ค้างคาว ลิง ชะนี เสือ หมี ฯลฯ
3. สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกนก 182 รายการ รวม 835 ชนิด เช่น ไก่ป่า ไก่ฟ้า นกแก้ว นกขุนทอง นกเงือก นกปรอด นกเป็ดน้ำ นกนางแอ่น เหยี่ยว นกอินทรี นกเอี้ยง อีกา เป็นต้น
4. สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกเลื้อยคลาน 63 รายการ รวม 90 ชนิด เช่น กิ้งก่าดง กิ้งก่าบิน งูจงอาง งูสิง งูแสงอาทิตย์ งูหลาม งูเหลือม จระเข้ ตะกวด เต่า ตะพาบ ตุ๊กแกป่า เหี้ย เป็นต้น
5. สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสะเทินน้ำสะเทินบก 12 ชนิด เช่น กบเกาะช้าง กบท่าสาร กบทูด กะทั่ง คางคกขายาว คางคกต้นไม้ จงโคร่ง เป็นต้น
6. สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกแมลง 13 รายการ รวมกว่า 20 ชนิด เช่น ด้วงกว่างดาว ด้วงคีมยีราฟ ด้วงดินขอบทองแดง ผีเสื้อไกเซอร์ ผีเสื้อถุงทอง ผีเสื้อนางพญา ผีเสื้อภูฐาน เป็นต้น
7. สัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกปลา 4 ชนิด คือ ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า ปลาติดหิน หรือปลาค้างคาว ปลาเสือตอหรือปลาเสือหรือปลาลาด และปลาหมูอารีย์
8. สัตว์ป่าจำพวกไม่มีกระดูกสันหลัง 14 รายการ อาทิเช่น กัลปังหา ดอกไม้ทะเล ปะการัง บึ้งตัวใหญ่สีดำ บึ้งตัวใหญ่สีน้ำตาล ปูเจ้าฟ้า ปูราชินี ปูทูลกระหม่อม หอยมือเสือ หอยสังข์แตร
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงขอแจ้งให้ประชาชนทั่วไป ทราบ และห้ามเลี้ยงดู หรือครอบครอง หรือกระทำการค้าซึ่งสัตว์ป่าฯ และซากของสัตว์ป่าฯ ดังกล่าว หากฝ่าฝืนจะมีความผิด จำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือแจ้งเบาะแส ที่ ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เลขที่ 61 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักรกรุงเทพฯ 10900 หมายเลขโทรศัพท์ 0 2561 4292 – 3 ต่อ 764 โทรสาร 0 2561 2917 ในวันและเวลาราชการ
ที่มา : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช