(26 ม.ค. 68) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ประสานจังหวัดปฏิบัติตามข้อสั่งการอย่างเคร่งครัดและยกระดับมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) อย่างเร่งด่วนและลดผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่มีฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ดังนี้
• ให้ยกระดับการดำเนินมาตรการควบคุมการเผาในพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ทางการเกษตร ให้อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้มงวด กวดขัน และบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม
• ใช้กลไกท้องถิ่นและท้องที่ โดยมอบหมายกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชน ตลอดจนประชาชนจิตอาสา ให้ร่วมกันสอดส่อง ป้องปราม ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จากแหล่งกำเนิดต่าง ๆ
• กรณีพบการเผาในพื้นที่ให้ดำเนินการยับยั้งการเผาในทันทีและบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายในการห้ามเผาอย่างเด็ดขาด
• ให้ยกระดับมาตรการลดผลกระทบต่อประชาชน โดยให้หน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ออกหน่วยให้บริการประชาชน จัดหาอุปกรณ์ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) ห้องปลอดฝุ่น คลินิกมลพิษ ไว้บริการประชาชนอย่างเพียงพอและเหมาะสม
• ให้ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ให้ประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งผู้สูงอายุ ผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาหรือศูนย์เด็กเล็ก ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ให้ดำเนินการตามข้อปฏิบัติดังกล่าวเพื่อลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ตรุษจีนลดใช้ธูป ลดฝุ่น PM2.5 – ป้องกันอัคคีภัย
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ที่เกินมาตรฐานหลายพื้นที่ขณะนี้ ซึ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีนมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การจุดธูป จุดพลุ ประทัด และการเผากระดาษเงินกระดาษทอง เป็นปัจจัยที่ทำให้ปัญหาฝุ่นค่า PM2.5 เพิ่มสูงขึ้นในวงกว้าง และเนื่องจากสภาพอากาศแห้งในช่วงฤดูหนาว เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีบ้านเรือนหนาแน่น สถานประกอบการต่าง ๆ ที่ได้ปิดทำการในช่วงเทศกาล อาจทำให้เกิดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีน จะเป็นการช่วยลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และป้องกันอัคคีภัย โดยสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือก เช่น ธูปไร้ควัน หรือการไหว้บูชาแบบออนไลน์
หากจำเป็นต้องจุดธูป ควรทำด้วยความระมัดระวัง ใช้ภาชนะทนไฟ เผาในเตาเผาที่มีคุณภาพ หรือพื้นที่ที่ไม่ก่อให้เกิดควันฝุ่นจำนวนมาก เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม และมีผู้ดูแลตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟดับสนิทหลังการเผาด้วย
กทม. ประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ-แผนลดฝุ่น 365 วัน
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในปี 2567 - 2568 หลายสำนักงานเขตได้ออกประกาศเพื่อขอความร่วมมือในการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาในพื้นที่เขต
โดยสำนักอนามัยได้แจ้งเวียนให้สำนักงานเขตทั้ง 50 เขตพิจารณาและได้มีการจัดทำแนวทางการประกาศ “พื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ” เพื่อควบคุมและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
ในพื้นที่กรุงเทพมหานครเพื่อเป็นแนวทางให้กับสำนักงานเขตพิจารณาใช้มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมและป้องกันปัญหา PM2.5 ในพื้นที่เขต ซึ่ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะ
เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้มอบอำนาจตามกฎหมาย และให้สำนักงานเขตพิจารณาดำเนินการตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ พ.ศ. 2561 และประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนดค่ามาตรฐานฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน
เมื่อในพื้นที่มีค่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มากกว่า 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรขึ้นไป ต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วัน และต้องมีองค์ประกอบสำคัญบ่งชี้ครบ 3 องค์ประกอบ ดังนี้
1. *มีเหตุรำคาญจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น สำนักงานเขตต้องพิจารณาและคำนึงถึงกิจการหรือการกระทำใด ๆ ที่ก่อให้เกิดเหตุรำคาญอย่างชัดแจ้ง ประชาชนได้รับรู้และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเหตุรำคาญ มีกฎหมายกำหนดห้ามกระทำการ และกำหนดเป็นความผิดอย่างชัดแจ้ง และมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในวงกว้าง
2. มีแหล่งกำเนิดเหตุรำคาญที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มากกว่า 1 แหล่งขึ้นไป
3. ผลกระทบต่อสุขภาพหรือสภาวะความเป็นอยู่ที่เหมาะสมของประชาชนจำนวนมากและครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง โดยต้องปรากฏลักษณะบ่งชี้อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น โรคระบบทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคผิวหนัง และโรคตา โดยใช้วิธีทางการระบาดวิทยาหรือวิธีการประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพตามความเหมาะสม และดำเนินการภายใต้แผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง”
สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการป้องกันและระงับเหตุรำคาญ ตามประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ มีดังนี้
1. ห้ามไม่ให้นำรถเครื่องยนต์ดีเซลที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐานมาวิ่งใช้งานบนท้องถนน
2. ห้ามเผาในที่โล่งในพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ
3. ให้ปฏิบัติตามมาตรการลดฝุ่นละอองจากกิจกรรมการก่อสร้างอย่างเคร่งครัด ได้แก่ มาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม มาตรการที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ดัดแปลงอาคาร หรือรื้อถอนอาคาร และมาตรการฉีดพ่นหมอกน้ำในอากาศบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง
4. ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฝุ่นละอองและควบคุมการระบายฝุ่นละอองจากแหล่งกำเนิดไม่ให้เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน
สามเดือนหรือปรับไม่เกินสองหมื่นห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการสาธารณสุข (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560
นอกจากการประกาศกำหนดพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญในช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 สูงเกินค่ามาตรฐาน
ซึ่งจะต้องมีการประกาศเพื่อยกเลิกเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ยังได้จัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ภายใต้ “แผนลดฝุ่น 365 วัน” และเพิ่มความเข้มงวด ตามมาตรการและแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
รถไฟฟ้าฟรีวันแรกตามมาตรการลดฝุ่นละออง PM2.5 มีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.29
(26 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม สนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า ค่ารถเมล์ เป็นเวลา 7 วัน ระหว่างวันที่ 25-31 มกราคม 2568 โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้รับนโยบายและสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหา PM2.5 อย่างเร่งด่วน ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เผยว่า วันที่ 25 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันแรกที่มีมาตรการส่งเสริมให้ใช้บริการขนส่งสาธารณะฟรี พบว่า มีผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 1,634,446 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 45.29 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์ในสามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 โดยมีผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีทองเพิ่มมากขึ้น 1.42 เท่า รองลงมาคือรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู เพิ่มขึ้นร้อยละ 92.68 และร้อยละ 86.28 ตามลำดับ
สำหรับรถไฟระหว่างเมืองของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ให้บริการรวม 215 ขบวน มีผู้ใช้บริการจำนวน 75,303 คน-เที่ยว ภาพรวมวันที่ 25 มกราคม 2568 มีผู้ใช้บริการระบบรางรวมทั้งสิ้น 1,709,749 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 506,355 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 42.08 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยวันเสาร์สามสัปดาห์ของเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมา