(9 ก.ย. 67) นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ จึงได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน พร้อมวางแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยหลังน้ำลด เพื่อเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบให้สามารถกลับมาเพาะปลูกได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งในที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาแผนงาน/โครงการ/กิจกรรม เพื่อการฟื้นฟูเกษตรกรหลังน้ำลด ปี 2567 ของหน่วยงานต่าง ๆ ได้แก่ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมการข้าว กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนแผนงาน โครงการเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างครอบคลุม และจะรวบรวมนำเสนอในการประชุมครั้งหน้า ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
เปิดรายงานผลกระทบด้านการเกษตร 3 ด้านจากสถานการณ์อุทกภัยปี 67
จากข้อมูลรายงานผลกระทบด้านการเกษตรจากสถานการณ์อุทกภัย (ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค. - 6 ก.ย. 67) แบ่งเป็น 3 ด้าน ดังนี้
1. ด้านพืช ได้รับผลกระทบ 39 จังหวัด เกษตรกร 131,458 ราย พื้นที่ได้รับผลกระทบ 850,084 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 728,547 ไร่ พืช ไร่และพืชผัก 90,954 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่น ๆ 30,583 ไร่
2. ด้านประมง ได้รับผลกระทบ 23 จังหวัด เกษตรกร 11,555 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ 9,046 ไร่
3. ด้านปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบ 16 จังหวัด เกษตรกร 54,842 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 3.3 ล้านตัว แบ่งเป็น โค 88,966 ตัว กระบือ 19,036 ตัว สุกร 74,326 ตัว แพะ/แกะ 3,890 ตัว และสัตว์ปีก 3.1 ล้านตัว แปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ 2,568.05 ไร่
สำหรับการให้ความช่วยเหลือเฉพาะหน้า ได้สนับสนุนอาหารกล่องพร้อมน้ำดื่มให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน และดำเนินการช่วยเหลือเครื่องมือเครื่องจักรแล้ว 646 หน่วย แบ่งเป็น เครื่องสูบน้ำ 533 เครื่อง เครื่องผลักดันน้ำ 50 เครื่อง รถบรรทุกน้ำ 7 คัน และเครื่องจักรสนับสนุนอื่น ๆ 56 หน่วย ตลอดจนอพยพสัตว์จำนวน 574,292 ตัว สนับสนุนหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน 383,335 กิโลกรัม ส่งเสริมสุขภาพสัตว์ (แร่ธาตุ/ยาปฏิชีวนะ วิตามิน) 19,901 ซอง รักษาสัตว์ 7,194 ตัว
ถุงยังชีพสัตว์ 130 ถุง พร้อมกันนี้ กองตรวจการประมง ยังได้จัดชุดเฉพาะกิจพร้อมเจ้าหน้าที่ รถยนต์ เรือตรวจการประมง ช่วยนำส่งเสบียงอาหารและน้ำดื่ม ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย แพร่ พะเยา น่าน สุโขทัย
จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ ต้นพันธุ์พืช ช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมการให้ความช่วยเหลือ โดยจัดเตรียมเมล็ดพันธุ์และต้นพันธุ์พืชไว้ ซึ่งเป็นพืชอายุสั้นที่เกษตรกรสามารถนำไปปลูกเพื่อเป็นอาหารลดค่าใช้จ่ายในครอบครัวและเพิ่มรายได้ เช่น
• จัดเตรียมเมล็ด พันธุ์พืชผัก จำนวน 319,669 ซอง ประกอบด้วย ผักบุ้ง คะน้า กวางตุ้ง พริก มะเขือเปราะ กระเจี๊ยบเขียว ถั่วฝักยาว และถั่วพู
• จัดเตรียมต้นพันธุ์พืชผักพืชอาหาร จำนวน 113,000 ซอง ได้แก่ พริก มะเขือเปราะ และต้นพันธุ์ไม้ ผลไม้ยืนต้น
• จัดเตรียม*เชื้อราไตรโคเดอร์มา (*เชื้อราไตรโคเดอร์มา คือเชื้อราชนิดหนึ่งที่ดำรงชีวิตอยู่ในดิน อาศัยเศษซากอินทรีย์วัตถุเป็นอาหารโดยไม่มีอันตรายกับพืช คน สัตว์และแมลง เชื้อราไตรโคเดอร์มา หลายชนิดมีคุณสมบัติในการควบคุมและทำลายเชื้อราสาเหตุโรคพืชทางดิน จึงทำให้พืชมีระบบรากที่สมบูรณ์ แข็งแรง หาอาหารได้มาก ต้นพืชจึงสมบูรณ์ให้ผลผลิตสูง และคุณภาพดี) มาเพื่อให้เกษตรกรนำใช้ในการฟื้นฟู ป้องกันเชื้อสาเหตุโรคพืชสำหรับพื้นที่เพาะปลูกไม้ผลหลังน้ำลด
• จัดเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัย และเตรียม *สารเร่งซุปเปอร์ พด.6 (*สารเร่ง พด.6 เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักเศษอาหารในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เพื่อผลิตสารสำหรับทำความสะอาดคอกสัตว์ บำบัดน้ำเสีย และลดกลิ่นเหม็นตามท่อระบายน้ำ) เพื่อบำบัดน้ำเสีย
พม. รับมอบสิ่งของ - เงินบริจาค จากมูลนิธิพุทธภูมิธรรม ส่งต่อความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม
(10 ก.ย. 67) นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานในพิธีรับมอบสิ่งของและเงินบริจาครวมมูลค่าทั้งสิ้น 626,400 บาท จากมูลนิธิพุทธภูมิธรรม เพื่อมอบให้กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) นำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และผู้ประสบปัญหาทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ มูลนิธิพุทธภูมิธรรมมีความร่วมมือกับกระทรวง พม. มาอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือในสถานการณ์ทางสังคม ที่มีพี่น้องประชาชนที่อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. ได้รับผลกระทบภัยน้ำท่วม หรือภัยพิบัติต่าง ๆ โดยกระทรวง พม. ได้ให้ความสำคัญในการให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมและเติบโตเป็นประชากรที่มีคุณภาพ โดยดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่าย
ทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มูลนิธิ สมาคมต่าง ๆ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการส่งต่อโอกาสให้เด็กและเยาวชน สร้างสังคมแห่งการแบ่งปัน
ช่วยเหลือเยียวยาหลังจากที่น้ำลดลงในพื้นที่ภาคเหนือ วางแผนฟื้นฟูช่วยเหลือหลังจากน้ำลด
สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมนั้น กระทรวง พม. ได้ช่วยเหลือเยียวยาหลังจากที่น้ำลดลงในพื้นที่ภาคเหนือ และได้เตรียมวางแผนสำรวจพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และการช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ โดยส่งเจ้าหน้าที่นักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ลงไปในพื้นที่ และได้มีการวางแผนฟื้นฟูช่วยเหลือหลังจากน้ำลดเพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ ทั้งนี้ หากประชาชนได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม หรือประสบปัญหาทางสังคม สามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ที่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) ผ่านสายด่วน พม. 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง