วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติของไทย ตรงกับวันที่ 18 สิงหาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่พระบาทสมเด็จ
พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงในปี 2411 หลังจากคำนวณไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี จนได้รับการเทิดพระเกียรติถวายพระราชสมัญญานามว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"
อว. จัดงาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2567”
งาน “มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ” นับเป็นกิจกรรมสำคัญในการสร้าง
ความตระหนักด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 - 25 สิงหาคม 2567
ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อาคาร 9 - 12 โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และยังเป็นเวทีสำคัญในการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย” เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในฐานะทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย” และ “พระบิดาแห่งนวัตกรรมไทย” และเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
สำหรับแนวคิดของงานปีนี้คือ “Future Science Community For All” หรือ “สังคมวิทยาศาสตร์แห่งอนาคตสำหรับทุกคน” ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ของกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ที่ต้องการให้ทุกกลุ่มในสังคมมีส่วนร่วมในการสร้างและพัฒนาสังคมวิทยาศาสตร์ที่ยั่งยืน โดยรูปแบบการจัดงานเปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง ผ่านกิจกรรมและนิทรรศการที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และสัมผัสกับวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด
ห้ามพลาดกับกิจกรรม Highlight ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้และสัมผัสกับวิทยาศาสตร์อย่างใกล้ชิด
• “Royal Pavilion” นิทรรศการเทิดพระเกียรติ อันเปี่ยมไปด้วยคุณูปการและพระอัจฉริยะภาพ
ด้านวิทยาศาสตร์ของพระบรมวงศ์ศานุวงศ์
• นิทรรศการ “The Multiverse of AI: Trick or Truth” ร่วมออกเดินทางสำรวจจักรวาลแห่ง AI ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์เบื้องหลังนวัตกรรมแห่งอนาคต
• นิทรรศการ “อาชีพ STEM สร้างอนาคต” เปิดโลกอาชีพวิทย์แสนสนุกของเด็กและเยาวชนให้รู้ทักษะของตนเอง เติบโตอย่างมีเป้าหมายและได้ทำงานในสิ่งที่รักอย่างสนุกสนาน
• นิทรรศการ “ต้องรอด! ในดินแดนสุดขั้ว” ร่วมกองคาราวานเดินทางบนเส้นทางสายไหม เรียนรู้เส้นทางการค้าและวัฒนธรรม 2 ทวีป ผ่านขุมทรัพย์ทะเลทราย พร้อมสำรวจมหานครทะเลทราย ดินแดนลึกลับที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด พาทุกคนเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห้งแล้งสุดขั้ว สัมผัสประสบการณ์ในดินแดนทะเล 4 แบบ ร่วมค้นหาพืชและสัตว์แปลกตาที่อยู่รอดในดินแดนแห้งแล้ง พร้อมผจญภัยและเรียนรู้วิถีชีวิตชาวเบดูอิน สนุกกับการทดลองขี่อูฐและร่วมเฉลิมฉลองให้กับปีสากลแห่งอูฐ
• นิทรรศการ “ปิโตรเคมีปั้นแต่งโลก” เรียนรู้ความสำคัญของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีต่อความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่น่าสนใจ การจัดแสดงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และกิจกรรมความสนุกด้านวิทยาศาสตร์อีกมากมาย
รัฐบาลพร้อมสนับสนุนสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
การสร้างเสริมศักยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ล้วนเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ รัฐบาลจึงสนับสนุนการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และประชาชน
ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงองค์ความรู้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ ไม่ใช่เพียงการเรียนรู้เฉพาะในโรงเรียน
มหาวิทยาลัย หรือสถาบันต่าง ๆ เท่านั้น เพราะโลกในอนาคตเป็นโลกที่มีองค์ความรู้ที่สามารถเรียนรู้ได้อย่าง
ไร้พรมแดน ตลอดจนส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนาทั้งในด้านสังคม ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ (Applied Science) และการวิจัยขั้นแนวหน้า (Frontier Research) เพื่อต่อยอดให้เกิดการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดย หวังว่างานมหกรรมวิทย์ฯ ปีนี้ จะสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจให้กับเด็กและเยาวชน
เพื่อกระตุ้นความสนใจในการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการศึกษาสะเต็ม (STEM) ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มพูนกําลังคนในสาขาอาชีพวิทยาศาสตร์ และช่วยพัฒนาเยาวชนให้มีทักษะในการเป็นนักประดิษฐ์และนวัตกรในอนาคต สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสามารถต่อยอดการประกอบอาชีพอย่างมั่นคงในอนาคตได้