วันนี้ (27 เมษายน 2567) เวลา 13.00 น. ณ บริษัท  เกา ฟง จำกัด  ตำบลเขาวัว อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายเศรฯฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า ที่มาจันทบุรีวันนี้เป็นช่วงต้นฤดูของการออกทุเรียนและปฏิเสธไม่ได้ว่าทุเรียนเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่สุด เป็นอีกหนึ่งผลไม้สำคัญของประเทศไทย ที่มีการส่งออกไปยังประเทศจีน โดยมีผู้บริโภคในประเทศจีนประมาณ 0.7 กิโลกรัม คนไทยรับประทาน 5 กิโลกรัม และคนมาเลเซียรับประทาน 11 กิโลกรัม ซึ่งศักยภาพในการเติบโตยังสามารถไปได้ไกลมาก

นายกฯ กล่าวว่า ปัจจุบันในส่วนของการพัฒนาด้านการขนส่งในเรื่องของล้งและการเก็บทุเรียนมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเก็บทุเรียนอ่อน ซึ่งในวันนี้ สามารถวัดได้ว่าทุเรียนอ่อนหรือทุเรียนแก่มีวิธีการจำแนกอย่างไร และได้มีการจดลิขสิทธิ์ทางปัญญานี้ไว้ด้วยโดยกระทรวงพาณิชย์ ตรงนี้ก็เป็นส่วนที่เราต้องมีความระมัดระวัง ต้องดำเนินการทำให้ดี ไม่อย่างนั้นอาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของประเทศได้ โดยในปัจจุบันนี้ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ให้กับประเทศจีน รองลงมาก็คือประเทศเวียดนาม และในส่วนในเรื่องของการลักลอบการนำเข้าทุเรียน ตรงส่วนนี้ได้มีการสั่งการให้อธิบดีกรมศุลกากรคอยควบคุมสั่งการว่าจะต้องไม่มีมีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น 

นายกฯ กล่าวถึงเรื่องของการจัดการน้ำ ซึ่งทุเรียนจะได้รับผลออกมาดีจะต้องได้น้ำที่เพียงพอ โดยได้สั่งการให้ สนทช. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทานร่วมทำงานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ ในส่วนเรื่องของการขนส่ง เรื่องของการจัดการตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังมีไม่เพียงพอ โดยในปัจจุบันนี้เริ่มมีเพิ่มมากขึ้นแต่ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ 

นายกฯ ระบุ ทุเรียนแกะแช่แข็งสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชน ถ้าทำงานเป็นผู้แกะทุเรียนจะได้รับ 1,500 บาทต่อวัน ถ้าหากทำงานเป็นคู่จะได้รับเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อวัน โดยวิธีการทำงานจะเป็น 1 คนแกะ อีก 1 คนเรียง คิดเป็นกิโลกรัมละ 5 บาท โดยการจ้างดังกล่าวนั้น ทางผู้ประกอบการได้ให้ความเป็นธรรมแก่แรงงานเหล่านี้รวมถึงเรื่องของการพัฒนาพันธุ์ทุเรียนให้มีความสามารถในการต่อสู้กับแมลงศัตรูพืช ซึ่งแหล่งน้ำก็เป็นหนึ่งส่วนสำคัญ ในการลงพื้นที่วันนี้ได้มีการนำอธิบดีและรัฐมนตรีทุกท่านเข้ามาในการตรวจเยี่ยมด้วย 
 
นายกฯ กล่าวต่อว่า จุดเริ่มต้นจันทบุรี ถือเป็นหัวมังกรในการจำหน่ายและไล่ลำดับไปถึงภาคใต้ ซึ่งตนเองได้มีการเดินทางไปในพื้นที่ภาคใต้ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับทราบถึงปัญหาเรื่องแหล่งน้ำหรือปัญหาเรื่องการขนส่ง เพราะฉะนั้นในเรื่องของการแก้ปัญหาในครั้งนี้จุดเริ่มต้นคือที่จังหวัดจันทบุรีในจังหวัดที่ใหญ่ที่สุด เป็นเสมือนเมืองหลวงของผลไม้ฤดูร้อนของประเทศไทยไม่เพียงแค่เฉพาะทุเรียน ยังมีในส่วนของมังคุดและเงาะ ซึ่งในภาคใต้ก็มีผลไม้ ในวันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ก็ลงพื้นที่เช่นเดียวกัน มารับทราบถึงราคาที่มีความเหมาะสมไม่ให้มีราคาที่ต่ำ ในตอนนี้ถือเป็นช่วงจังหวะที่ดีในโซนภาคใต้ เพราะยังไม่ถึงฤดูกาลแห่งผลไม้ 

นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของราคานั้นไม่ต้องเป็นห่วง ถือว่าเป็น KPI ของกระทรวงพาณิชย์ว่าทุเรียนนั้นถือเป็นพืชหลักแล้วและมีศักยภาพสูงมากแต่ก็เป็นที่แน่นอนว่ายังมีผลไม้อย่างอื่นอีกซึ่งอาจจะมีปัญหาได้ในอนาคต แต่ว่าทางกระทรวงพาณิชย์นั้นก็รับทราบถือเป็นโจทย์ว่าห้ามทำให้ราคาตก วันนี้ทางอธิบดีกรมวิชาการเกษตรได้มารับทราบเรื่องของปัญหา เรื่องของสภาพดินเรื่องของสภาพน้ำ ต้องมีการให้องค์ความรู้แก่เกษตรกร ทั้งนี้ รัฐบาลได้เตรียมพร้อม ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ สำหรับทุเรียนที่สุกเกินไปหรืออ่อน นำไปการทำอบแห้งหรือการทำสินค้าแปรรูปซึ่งอาจจะได้ราคามากขึ้น

ที่มา : https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/82247