นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมชมผลิตภัณฑ์ สินค้าโอทอปที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมพูดคุยกับกลุ่ม Young Otop ที่ต้องการให้มาช่วยส่งเสริมในเรื่องการพัฒนาแบรนด์ไปสู่ต่างประเทศ และกลุ่มผู้ ประกอบการ โอทอปเชียงใหม่ เพื่อหาแนวทางในการผลักดันและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เนื่องจากปัจจุบันยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 10,000 ล้านบาทมาหลายปี จึงอยากให้นายกมาช่วยขยายเพดาน
ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่ มีผู้ประกอบการโอทอปกว่า 2,500 ราย มีผลิตภัณฑ์กว่า 7,000 รายการ โดยผลิตภัณฑ์ที่เด่นๆ อาทิ สลุงเงิน เครื่องเคลือบดินเผาศิลาดล เครื่องแกะสลัก เครื่องเขิน เสื้อผ้าพื้นเมืองที่มีการประยุกต์ที่ทันสมัย และอื่นๆอีกมากมาย
นายนริศ บุญสถิตย์. ผู้อำนวยการโรงเรียน OTOP academy จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวแล้ว หลังจากผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ไปได้ เช่นเดียวกันกับ ศูนย์จัดแสดง จำหน่ายและกระจายสินค้า OTOP จังหวัดเชียงใหม่ ณ ข่วงสันกำแพง ที่รวมสินค้าคุณภาพจาก 7 จังหวัดภาคเหนือไว้ในที่เดียว สร้างรายได้ปีละกว่า 13,000 ล้านบาท ขณะนี้เริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้น หลังก่อนหน้านี้รายได้ลดลงกว่า 40% แต่ในขณะนี้ รายได้ของศูนย์เริ่มกลับมาได้ 30% แล้ว เดือนที่แล้วสามารถสร้างรายได้ถึง 210,000 บาท และคาดว่าจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลตั้งใจส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ มีการวางนโยบายสร้างโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสวัฒนธรรมไทยมากขึ้น ผ่านนโยบาย ฟรีวีซ่า พร้อมส่งเสริมSoft Power ของไทยอย่างเป็นจริงเป็นจัง สนับสนุนการพัฒนาสินค้า OTOP ของวิสาหกิจชุมชน รวมถึงคนรุ่นใหม่ ทำให้ปัจจุบันศูนย์มีผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 2,670 ราย เป็นผู้ประกอบการ Young OTOP หรือคนรุ่นใหม่ที่สนใจสานต่อผลิตภัณฑ์ OTOP ท้องถิ่น ถึง 80 ราย รวมผลิตภัณฑ์ คุณภาพกว่า 7,568 รายการ
.
ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลเข้ามาสนับสนุนในครั้งนี้คือการขยายตลาดต่างประเทศ รวมถึงยกระดับงาน Lanna expo ของกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ให้เทียบเท่ากับงาน Expo ที่กรุงเทพฯ การยกย่องปราชญ์ชุมชนด้านหัตถกรรม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงมีการส่งเสริมโครงการที่เป็นการต่อยอดภูมิปัญญาสู่คนรุ่นใหม่มากขึ้น เชื่อว่าสามารถยกระดับคุณภาพ สินค้า OTOP ให้สูงขึ้น และเกิดผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่จะช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก