นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับชมรมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ว่า ปี 2566 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยนำจุดแข็งที่สำคัญของการแพทย์แผนไทยคือ ความเข้าอกเข้าใจ การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม สามารถบำบัดรักษาในกลุ่มโรค/อาการเพื่อลดผลข้างเคียงของยาแผนปัจจุบัน และศักยภาพในการผลิตยาสมุนไพรของประเทศมาพัฒนาต่อยอดสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงในระบบสุขภาพ รวมถึงยังเป็นการปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาไม่ให้สูญหาย ขณะที่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพได้ผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยทำให้มีความน่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าในปี 2566 จะสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายแพทย์ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงการดำเนินงานของกรมการแพทย์แผนไทยฯ ว่า ได้มุ่งเน้น 3 ประเด็นสำคัญคือ ประเด็นการสร้างความเชื่อมั่นและพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) ในกลุ่มอาการปวดเรื้อรังและนอนไม่หลับ ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยระยะกลาง เรื้อนกวาง และการลดอันตรายจากยาเสพติด ประเด็นการบริหารจัดการโรงงาน GMP ในเขตสุขภาพ
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลที่ผลิตยาสมุนไพรทั้งหมด 61 แห่ง ผ่านมาตรฐาน GMP 45 แห่ง อยู่ระหว่างพัฒนาให้ได้มาตรฐาน 7 แห่ง ประเด็นขับเคลื่อนศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ล่าสุดมีสถานประกอบการขอรับรองเป็นศูนย์เวลเนส 570 แห่ง ได้การรับรองแล้ว 160 แห่ง นอกจากนี้ ได้มีแผนขับเคลื่อนงาน ระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2566-2570 เป้าหมายคือ ประชาชนเชื่อมั่น ดูแลสุขภาพตนเองด้วยยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 1.48 เป็นร้อยละ 15 บริการเป็นเลิศ โดยเลือกใช้บริการการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก เมื่อเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นจาก ร้อยละ 4.58 เป็น ร้อยละ 20 และ ภูมิปัญญาสร้างคุณค่า โดยมีการบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 90,000 ล้านบาท และเป็น 1 ใน 3 ของเอเชีย ภายในปี 2570
ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230530135239964