นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร จะปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทย รอบที่ 11 ในปีนี้กลับคืนสู่ธรรมชาติในวันที่ 13 กุมภาพันธ์นี้ ภายในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก จังหวัดบุรีรัมย์ หลังองค์การสวนสัตว์ฯประสบความสำเร็จการเพาะขยายพันธุ์และปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติมาตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน พบนกกระเรียนพันธุ์ไทยสามารถมีชีวิตรอดอยู่ในธรรมชาติได้แล้ว 133 ตัว

ปีนี้นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติมี 12 ตัว แบ่งเป็น เพศผู้ 8 ตัว และเพศเมีย 4 ตัว โดยเลือกปล่อยในช่วงวันแห่งความรัก เนื่องจากเป็นนกกระเรียนมีความโดดเด่นเรื่องของรักแท้และเป็นนกที่จับคู่แบบผัวเดียวเมียเดียวตลอดชีวิต ที่สำคัญจะเป็นแหล่งเรียนรู้แห่งเดียวที่มีความสำคัญและโดดเด่นของจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีความเชื่อมโยงกับวิถีชุมชนและองค์ความรู้ท้องถิ่นสอดคล้องกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อมของประเทศ

สำหรับนกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็น 1 ในสัตว์สงวน 19 ชนิดของไทย เป็นนกขนาดใหญ่ คอยาว หัวและคอเป็นหนังเปลือยสีแดงสด กระหม่อมเป็นแผ่นกระดูกแข็งสีเทา ขนลำตัวสีเทา ขายาวสีแดงสด พบตามท้องนาและพื้นที่ชุ่มน้ำต่างๆของไทย ปัจจุบันองค์การสวนสัตว์ฯ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เพาะพันธุ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยในกรงเลี้ยง ทำการศึกษาแหล่งที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและปล่อยนกกระเรียนพันธุ์ไทยคืนสู่ธรรมชาติไปหลายครั้งแล้วในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยตลาด และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำสนามบิน จังหวัดบุรีรัมย์ และพื้นที่โดยรอบ โดยทั้ง 3 แห่งถือเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เหมาะกับการอยู่อาศัยของนกหลายชนิดและเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับนานาชาติ มีความสำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติ นันทนาการ การท่องเที่ยวและสำคัญต่อวิถีชีวิตของประชาชน

ที่มา  https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG220118192856667