บทสรุป
(24 ม.ค. 68) นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเอ็กซ์ว่า สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น เช่น มาตรการ WFH ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวให้กระทรวงคมนาคมสนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ ภายใต้กำกับของรัฐเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68 กทม. กวดขันไซต์ก่อสร้าง และกวดขันรถควันดำ ย้ำรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างเต็มที่ ขณะที่ กระทรวงคมนาคมขานรับทันที ยกเว้นค่ารถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน รวมถึงรถเมล์ ทุกเส้นทางให้บริการฟรี 7 วัน ด้านกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก้ปัญหา PM2.5 ผ่านมาตรการเชิงรุก “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” กำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมต้องไม่มีประวัติการเผาในพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.–31 พ.ค. 68 หากพบมีประวัติถือว่าขาดคุณสมบัติ เสียสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ นับตั้งแต่ 1 มิ.ย. 68–31 พ.ค. 70 ล่าสุด กทม. สั่งปิด รร. ในสังกัดแล้ว 352 แห่ง ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ปรับ 5 มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อรับมือ PM2.5 เช่น เตรียมพร้อมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัด “ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ” ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับพื้นที่เพื่อดูแลประชาชนกลุ่มต่าง ๆ อย่างทั่วถึง พร้อมเน้นย้ำตรุษจีนวิถีใหม่ ห่างไกลฝุ่น PM2.5
รายละเอียด
(24 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเอ็กซ์ว่า เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ยังเป็นที่น่ากังวล จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการเร่งด่วนเพิ่มเติม เพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้น ดังนี้
1. ขอความร่วมมือหน่วยงานภาครัฐและบริษัทเอกชน ให้เจ้าหน้าที่และพนักงานสามารถทำงานแบบ WFH เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และได้สั่งการไปทางกระทรวงคมนาคมให้สนับสนุนยกเว้นค่ารถไฟฟ้า-ค่ารถเมล์ ภายใต้กำกับของรัฐเป็นเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. 68 เป็นต้นไป เพื่อลดปริมาณฝุ่นที่เกิดจากรถยนต์
2. ให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากมีความชื้นมากเพียงพอ ขอให้ปฏิบัติการฝนเทียมเจาะช่องบรรยากาศทั่วกรุงเทพฯ
3. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบทุกพื้นที่อย่างใกล้ชิดหากพบเห็นการเผา ขอให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที
4. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดตั้งแอพพลิเคชันสำหรับรับแจ้งเหตุการเผา ให้พี่น้องประชาชนสามารถรายงานจุดที่เกิดการเผาได้อย่างรวดเร็วและเร่งแก้ปัญหาที่พบในทันที
5. ขอความร่วมมือไปยัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ให้กวดขันไซต์ก่อสร้างที่ไม่คลุมผ้าป้องกันฝุ่นตามกฎหมายโดยเคร่งครัด และช่วงอากาศปิด ขอความร่วมมือให้เลื่อนการก่อสร้างที่ทำให้เกิดฝุ่นละออง
6. ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน กวดขันรถควันดำโดยเคร่งครัด
รัฐบาลยังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาฝุ่นควันอย่างเต็มที่ โดยมีทั้งมาตรการระยะสั้นและระยะยาว และจะเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
“คมนาคม” ขานรับแก้ PM2.5 ขึ้นรถไฟฟ้า-รถเมล์ฟรี 7 วัน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการไปยังกระทรวงคมนาคม และส่วนราชการอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มอบหมายหน่วยงานในสังกัดดูแลบริหารจัดการ ด้านโครงข่ายคมนาคม เพื่อลดปัญหา PM2.5 ดังนี้
1. รถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68 ได้สั่งการให้องค์การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ในสังกัดของกระทรวงคมนาคมให้บริการฟรี ทุกเส้นทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส ได้เจรจากับผู้ประกอบการที่ให้บริการประชาชน ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จํากัด (มหาชน) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ให้ใช้รถไฟฟ้าฟรีทุกสายในระยะ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68 รายได้ของทางเอกชนที่สูญเสียไป ทางรัฐบาลจะชดเชยตามค่าเฉลี่ย 7 วัน รวมประมาณ 140 ล้านบาท โดยมาจากงบกลาง
2. เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถสาธารณะและลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จึงให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้ประชาชนใช้บริการรถเมล์ฟรีทุกสาย ในระยะเวลา 7 วันเช่นกัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ม.ค. 68
3. ให้หน่วนงาน กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ลงพื้นที่ตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก เพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในกรุงเทพฯ จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย 1.บริเวณหน้าฟิวเจอพาร์ครังสิต 2.ท่าเรือคลองเตย 3.หน้าสวนจตุจักร ถ.พหลโยธิน 4. ถ.บางนา-ตราด กม.1 5. ถ.สุวินทวงศ์ หน้าการประปามีนบุรี 6. ถ.พระรามสอง ขาออก หน้าแขวงการทางบางขุนเทียน 7. ถ.รังสิต-นครนายก กม.4 หน้าโลตัส 8. ถ.บรมราชชนนี ขาเข้า-ออก โดยหลังจากนี้ จะให้เจ้าพนักงานกระจายตามจุดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าควบคุมมลภาวะทางรถยนต์ให้ได้มากที่สุด
4. ให้กรมทางหลวง (ทล.) กรมทางหลวงชนบท (ทช.) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟท.) และหน่วยงานที่มีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมต่าง ๆ เข้าบริหารจัดการพื้นที่ทันที เบื้องต้นให้ผู้รับเหมาฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาดล้อรถที่เข้า–ออกพื้นที่ก่อสร้าง กวาดล้างถนนที่เปื้อนดินจากการก่อสร้าง ปิดคลุมวัสดุก่อสร้างในการเก็บกองและขนย้าย และจัดการขยะอย่างเหมาะสม ห้ามเผาเด็ดขาด
กษ. ห้ามเผาถึง 31 พ.ค. 68
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งแก้ไขปัญหา PM2.5 ผ่านมาตรการเชิงรุก “โครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร” ได้กำหนดคุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วม ผ่านการตรวจเช็กประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค.–31 พ.ค. 68 ด้วยการเก็บข้อมูลและตรวจสอบข้อมูลของเกษตรที่ทำการเผาในพื้นที่การเกษตร พร้อมด้วยการบูรณาการประสานการขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการหมู่บ้านให้มีการพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเผาพื้นที่อีกขั้นหนึ่ง หากพบว่าเกษตรกรที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อตรวจสอบแล้วมีประวัติการเผาพื้นที่การเกษตร ให้ถือว่าขาดคุณสมบัติ ไม่ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมโครงการฯ นับตั้งแต่ 1 มิ.ย. 68–31 พ.ค. 70
กระทรวงเกษตรฯ ได้ติดตาม และตรวจสอบข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) จาก GISTDA พบว่าสถานการณ์การเผาในพื้นที่การเกษตรในขณะนี้
พบจุดความร้อนมีหลายพื้นที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐานเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลขอย้ำให้งดวิธีการเผา ซึ่งเป็นการกระทำที่มีความผิด เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดได้อย่างเด็ดขาด ให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการเป็นการปลูกพืช ให้เป็นไปในรูปแบบที่ไม่ต้องมีการเผา ปลูกพืชทดแทนจากพืชล้มลุก เป็นพืชที่มีมูลค่าสูง เช่น กาแฟ มะคาเดเมีย อะโวคาโด มะม่วง หรือไม้ยืนต้นที่ไม่โตเร็ว จะสามารถเป็นส่วนช่วยในการเก็บกักคาร์บอนได้ดี หรือการปลูกพืชทดแทนพื้นที่
นาปรัง เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
ก.แรงงาน ยืนยันพนักงานที่บริษัทให้ “WFH” ถือเป็นวันทำงานปกติ
ตามที่รัฐบาลขอความร่วมมือให้ทำงานที่บ้าน (Work from Home : WFH) หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้ให้ความร่วมมือเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานยืนยันว่า การทำงานแบบ Work from Home ให้ถือว่าเป็นวันทำงานปกติตามกฎหมายแรงงาน โดยที่นายจ้างไม่สามารถนำไปนับเป็นวันลา วันหยุด หรือขาดงานไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2566 ในมาตรา 23/1 ที่ได้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อรองรับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 66 เป็นต้นไป
สั่งปิด รร. กทม. แล้ว 352 แห่ง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 กล่าวว่า เรื่องการเผายังเป็นปัญหาที่หนักโดยเฉพาะจากพื้นที่รอบนอก เมื่อมีลมพัดพาฝุ่นเข้ามาเมื่อเจอตึกสูงใน กทม. ก็ชะลอความเร็วลงทำให้ฝุ่นเก็บกักอยู่ในเมือง สำหรับมาตรการ Low Emission Zone (LEZ) จำกัดโซนการวิ่งรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปที่ไม่ลงทะเบียนสีเขียว ห้ามเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ 9 เขต และแนวถนนผ่าน 13 เขต ที่เริ่มบังคับใช้ไปแล้ว หากฝ่าฝืน ตาม พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากมีการสืบได้ว่ารถคันนี้ไปให้บริการที่ไซต์งานไหน ก็จะตามไปที่ไซต์งานนั้นเพื่อตักเตือนและอนาคตอาจจะให้หยุดการก่อสร้าง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถลงทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการลดมลพิษทางอากาศในกรุงเทพฯ ได้อย่างต่อเนื่อง โดยนำรถตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไปเข้ากระบวนการบำรุงรักษา เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนไส้กรอง จากนั้นกรอกข้อมูลพร้อมแนบหลักฐานการเข้ากระบวนการบำรุงรักษา อาทิ ใบเสร็จ ทาง Google Form “แบบฟอร์มบัญชีสีเขียว” ที่ https://u.bangkok.go.th/GreenList เพื่อขอยกเว้นมาตรการเขตมลพิษต่ำในพื้นที่กรุงเทพฯ
สำหรับการสั่งปิดโรงเรียนสังกัด กทม. ปิดแล้วรวม 352 แห่ง (24 ม.ค. 68) คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น ระหว่าง วันที่ 25-26 ม.ค. 68 การระบายอากาศยังคงตัวและจะดีขึ้นในวันที่ 27-28 ม.ค. 68
สธ. ปรับ 5 มาตรการด้านสาธารณสุข รับ PM2.5
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหาร แถลงประเด็นการดูแลสุขภาพจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ สั่งการให้หน่วยงานสาธารณสุขทั่วประเทศเข้ม 5 มาตรการ ได้แก่
1. เตรียมพร้อมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จากกรณี PM2.5 โดยเปิดศูนย์ปฏิบัติการฯ ในสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย นนทบุรี สระบุรี เพชรบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และประจวบคีรีขันธ์ ในสำนักงานเขตสุขภาพที่ 2 และ 4 รวมทั้งกรุงเทพมหานคร
2. เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ โดยส่วนกลางเปิดศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพ ฝุ่น PM2.5 เผยแพร่ความรู้สุขภาพเป็นประจำ ในพื้นที่มอบหมายสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ อสม. เผยแพร่ข่าวสาร แนวทางปฏิบัติในการป้องกันตัวเองแก่ประชาชน รวมถึงสอบถามผ่านสายด่วน
กรมอนามัย 1478 และสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
3. จัด “ทีมพิเศษฉุกเฉินสุขภาพ” ระดับจังหวัด 76 ทีม และระดับอำเภอ 878 ทีม ดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 กลุ่ม รวม 178,773 ราย ประกอบด้วย เด็กเล็ก 29,982 ราย ผู้สูงอายุ 137,622 ราย หญิงตั้งครรภ์ 2,305 ราย ผู้มีโรคหัวใจ 3,857 ราย และผู้มีระบบทางเดินหายใจ 5,007 ราย
4. จัดบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม โดยเตรียมเสนอมาตรการ Work Form Home และงดกิจกรรมกลางแจ้งของประชาชน รวมทั้งจัดบริการคลินิกมลพิษ คลินิกมลพิษออนไลน์ เปิดระบบนัดหมายล่วงหน้าผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม จัดห้องปลอดฝุ่นในสถานบริการกระทรวงสาธารณสุข ศูนย์พัฒนาเด็กและโรงเรียน อาคารสำนักงาน และสถานประกอบการภาคเอกชน รวม 5,517 ห้องทั่วประเทศ รองรับกลุ่มเสี่ยงได้ 964,433 ราย สนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่น 1,340 ชุด ใน 35 จังหวัดเสี่ยงสูง และเตรียมกระจายให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่เสี่ยงสูง 37,569 ราย ในเขตสุขภาพ ที่ 1, 2, 3, 4, และ 8
5. สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ หน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 180,900 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 1,096,700 ชิ้น โดยหน่วยงานในพื้นที่สำรองหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้ง 6,887,938 ชิ้น และหน้ากาก N95 จำนวน 601,412 ชิ้น เพียงพอสำหรับใช้ต่อเนื่องได้ 2 เดือน และยังสามารถขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่น (กปท.) ในการจัดหาอุปกรณ์ให้กับหน่วยบริการสาธารณสุข องค์กร หรือกลุ่มประชาชนได้อีกทางหนึ่ง
ตรุษจีนวิถีใหม่ ห่างไกลฝุ่น PM2.5
จากการสำรวจอนามัยโพล เรื่อง “ฉลองตรุษจีน วิถีใหม่ ห่างไกลฝุ่น PM2.5” ระหว่างวันที่ 1-23 ม.ค. 68 ในกลุ่มเป้าหมาย 668 คน พบว่า จะทำกิจกรรมไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษมากที่สุด ร้อยละ 35.8 และผู้ที่ตอบว่าจะจุดธูป จุดเทียน ร้อยละ 13.3 เผากระดาษเงิน/ทองและสิ่งของที่เป็นกระดาษเพื่อไหว้บรรพบุรุษ ร้อยละ 10.5 และจุดประทัดร้อยละ 5.2 ตามลำดับ ส่วนการป้องกันตนเองจากฝุ่น PM2.5 ส่วนใหญ่จะสวมหน้ากากกันฝุ่น ร้อยละ 67.9 รองลงมา เช็ดทำความสะอาดบ้าน ที่พักอาศัยให้สะอาด ปลอดฝุ่น ร้อยละ 41.8 และมีผู้ที่จะไม่จุดธูป ไม่เผากระดาษเงินกระดาษทอง ร้อยละ 45.9
ทั้งนี้ ประชาชนสามารถช่วยลดฝุ่นละอองในสิ่งแวดล้อมได้ โดยเลือกใช้ธูปไฟฟ้า หรือธูปขนาดสั้น และดับธูปให้เร็วขึ้น เลี่ยงการจุดธูปหรือเผากระดาษเงิน กระดาษทองในบริเวณที่อับ/อากาศถ่ายเทไม่สะดวก ส่วนวัดหรือศาลเจ้า ควรตั้งกระถางธูปไว้นอกอาคารหรือพื้นที่มีอากาศถ่ายเท ลดจำนวนการจุดประทัด รวมทั้งระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้น