สช. กำชับ 6 แนวทางการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ

จากเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นเหตุทำให้นักเรียน และครูเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ด้านความปลอดภัยของนักเรียนและครู 

สช. ออกหนังสือซักซ้อม แจ้ง 6 แนวทางการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ได้แจ้งซักซ้อมแนวทางการพานักเรียนไปทัศนศึกษา ขอให้โรงเรียนพิจารณางดการพานักเรียนไปทัศนศึกษา ยกเว้นมีเหตุจำเป็น ขอให้โรงเรียนดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการพานักเรียน และนักศึกษาไปนอกสถานศึกษา 
พ.ศ. 2562 ประกาศ ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2562 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563  ประกาศ ณ วันที่ 28 เมษายน 2563  อย่างเคร่งครัด และพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ 
1.    ตรวจสอบสภาพรถหรือยานพาหนะและอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพดี และพร้อมที่จะใช้การได้อย่างปลอดภัย พนักงานขับรถหรือควบคุมยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง โดยประสานกรมการขนส่งทางบกให้ตรวจสภาพรถ ยางรถ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนออกเดินทาง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น
2.    การพานักเรียนระดับต่ำกว่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ไปนอกสถานศึกษา และการทัศนศึกษาควรมีผู้ปกครองร่วมเดินทางไปด้วย
3.    กำหนดระยะเวลาและระยะทางในการเดินทางให้มีความเหมาะสม โดยพิจารณาสถานที่ใกล้โรงเรียนหรือภายในจังหวัด เป็นลำดับแรก
4.    จัดทำประกันภัยการเดินทางให้แก่นักเรียน ครู และผู้เกี่ยวข้อง
5.    จัดให้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุให้กับครูและนักเรียน
6.    ให้โรงเรียนรายงานการพิจารณาอนุญาตต่อผู้อนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ตามแบบที่กำหนดในระเบียบกระทรวงศึกษาธิการฯ ก่อนวันเดินทางไม่น้อยกว่า 3 วันทำการ 
ทั้งนี้ ขอให้ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดพิจารณาอนุญาตการพาไปนอกสถานศึกษา หากเห็นว่าอาจมีภัยอันตรายไม่ปลอดภัยให้ระงับ ยับยั้ง ได้ตามที่เห็นสมควร

สพฐ. กำหนด 16 แนวทางปฏิบัติพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำหนดแนวทางปฏิบัติในการพานักเรียนไปนอกสถานศึกษาของโรงเรียนในสังกัด ดังนี้ 
1.    การพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา ให้พิจารณาถึงความพร้อมและความสามารถในการดูแลตนเองขั้นพื้นฐานของนักเรียน และพิจารณาเลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรม/ ทัศนศึกษา/ แหล่งเรียนรู้ โดยคำนึงถึงระยะเวลาการเดินทาง สาระความรู้และการเรียนรู้ที่จะเกิดแก่นักเรียน ให้เหมาะสมกับช่วงวัยของนักเรียน แบ่งเป็น 
1.1    ระดับปฐมวัย  ต้องให้มีผู้ปกครองอาสาร่วมคณะไปด้วย และห้ามพานักเรียนออกนอกสถานศึกษา คละกับนักเรียนช่วงชั้นอื่น ให้เลือกสถานที่จัดประสบการณ์เรียนรู้ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษา ที่ส่งเสริมพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย 
1.2    ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 3 ควรมีผู้ปกครองอาสาร่วมคณะไปด้วย และให้เลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรม/ ทัศนศึกษา /แหล่งเรียนรู้ ในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษา 
1.3    ระดับประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 6 ให้เลือกสถานที่ดำเนินกิจกรรม/ ทัศนศึกษา/ แหล่งเรียนรู้ ในพื้นที่ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นสำคัญ 
2.    ตรวจสอบสภาพรถยนต์โดยสารก่อนเดินทาง ให้มีความปลอดภัยครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และให้ผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัย โดยจะต้องดำเนินการ ดังนี้ 
2.1    เอกสารใบรับรองการตรวจสอบสภาพรถจากกรมขนส่งทางบก ไม่เกิน 30 วัน 
2.2    ห้ามใช้รถยนต์ที่ติดตั้งระบบจ่ายพลังงานเชื้อเพลิงด้วยแก๊ส 
2.3    รถยนต์โดยสารต้องมีอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย เช่น มีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง ประตูฉุกเฉิน ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ครบถ้วน และมีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน
3.    ต้องจัดทำแผนเผชิญเหตุ กรณีมีเหตุฉุกเฉินและจำเป็น และให้ผู้ประกอบการขนส่งรับผิดชอบดำเนินการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุให้แก่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ก่อนออกเดินทาง
4.    สถานศึกษาต้องจัดทำสัญญาเช่ารถกับผู้ที่ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งจากกรมขนส่งทางบก และใช้รถที่จดทะเบียนเป็นรถโดยสารสาธารณะ ซึ่งต้องมีการทำประกันภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ แบบสัญญาเช่ารถยนต์ต้องกำหนดเงื่อนไข เกี่ยวกับสภาพรถและพนักงานขับรถ พร้อมระบุความรับผิดชอบเกี่ยวกับความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นให้ชัดเจน 
5.    สถานศึกษาต้องจัดทำประกันอุบัติเหตุในการพานักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาไปนอกสถานศึกษา เว้นแต่กรมธรรม์ประกันภัยที่สถานศึกษาจัดทำไว้ ได้ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุในการเดินทางอยู่แล้ว 
6.    ตรวจสอบบันทึกการเดินรถ โดยพนักงานขับรถจะต้องมีเวลาพักไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และรถยนต์โดยสารจะต้องหยุดพักรถไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง พร้อมประวัติพนักงานขับรถ/พนักงานประจำรถ 
7.    การพานักเรียนไปนอกสถานศึกษา โดยใช้รถยนต์ไม่ต่ำกว่า 40 ที่นั่ง จำนวน 3 คันขึ้นไป ต้องจัดให้มีรถนำขบวน โดยมีป้ายข้อความที่ระบุโครงการ กิจกรรม และสถานศึกษาแสดงให้เห็นเด่นชัดติดที่ด้านข้างรถ และมีหมายเลขกำกับติดที่ด้านหน้า และด้านหลังรถในตำแหน่งที่ชัดเจน 
8.    ตรวจสอบเส้นทางก่อนการเดินทางโดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ 
9.    หากเส้นทางที่ขับไกลเกินกว่า 4 ชั่วโมง ผู้ประกอบการต้องจัดให้มีพนักงานขับรถ จำนวน 2 คน เพื่อสับเปลี่ยนขับ และจัดทำแผนการเดินทางให้มีระยะเวลาหยุดพักไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมง หลังขับรถติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมง
10.    กรณีที่เป็นการเดินทางในเส้นทางที่เป็นภูเขาลาดชันและคดเคี้ยว ให้ใช้รถยนต์โดยสารชั้นเดียวในการเดินทาง 
11.    ห้ามนำนักเรียนออกเดินทางในเวลากลางคืน 
12.    ต้องกำหนดให้มีครูที่เป็นผู้ควบคุมอย่างน้อย 2 คน และต้องผลัดกันทำหน้าที่คอยกำกับดูแลพนักงานขับรถไม่ให้ขับโดยใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือมีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ หากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าวให้สั่งพักรถหรือหยุดการเดินรถทันที 
13.    ผู้ควบคุมต้องกำกับดูแลนักเรียนให้คาดเข็มขัดนิรภัย 
14.    ผู้ควบคุมต้องกำกับดูแล ไม่ให้มีการบรรทุกนักเรียนเกินจำนวนที่นั่งของรถยนต์โดยสาร
15.    ให้ความสำคัญกับการทำสัญญา โดยให้เน้นเรื่องความปลอดภัยกับผู้รับจ้างโดยระบุประเด็นที่เกี่ยวข้องที่กล่าวมาแล้วทั้งหมดไว้อย่างชัดเจน 
16.    ให้ถือเป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และผู้อำนวยการสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ ในการดูแล กำกับติดตาม ตรวจสอบให้เป็นไปตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวข้างต้น อย่างละเอียดรอบคอบ

ศธ. ตั้งคณะทำงาน กำหนดมาตรการการคุ้มครองความปลอดภัย
(11 ต.ค. 67) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมกำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยการจัดกิจกรรมของสถานศึกษา โดยรศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม นายวิทยา จันทน์เสนะ ผู้อำนวยการกองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน นายวรัท พฤกษาทวีกุล รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายมณฑล ภาคสุวรรณ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน คณะผู้บริหาร และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

จากเหตุการณ์รถบัสทัศนศึกษาไฟไหม้เป็นที่กระทบกระเทือนจิตใจคนไทยทั้งประเทศ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ได้ย้ำชัดว่าต้องเป็นกรณีสุดท้าย จึงได้ตั้งคณะทำงานกำหนดมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยการจัดกิจกรรมของสถานศึกษา เพื่อเร่งดำเนินการในมาตรการและขยายผลโดยเริ่มจากประเด็นเร่งด่วนที่สังคมให้ความสนใจก่อน ไม่ใช่เฉพาะรถบัสทัศนศึกษาเท่านั้น แต่ต้องดูภาพรวมแผนเผชิญเหตุตามสถานศึกษาควบคู่กับสำนึกเรื่องความปลอดภัย ซึ่งหลังจากประกาศกระทรวงเรื่องงดทัศนศึกษาที่ไม่จำเป็น มีหลายหน่วยงานสับสนเรื่องการปฏิบัติ รวมถึงผู้บริหารสถานศึกษา และผู้ปกครอง เกิดความไม่สบายใจที่จะให้ผู้เรียนเดินทางไปทัศนศึกษา

โดย รมว.ศธ. ต้องการให้ภาพรวมการตั้งคณะทำงานชุดนี้เป็นที่ยอมรับของสังคม จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญในส่วนที่เกี่ยวข้องมาร่วมให้ข้อคิดเห็นในส่วนของระบียบการเดินทางไปทัศนศึกษานอกสถานที่ แผนปฏิบัติการ รวมถึงกิจกรรมที่ต้องเกิดขึ้นอย่างสร้างสรรค์และปลอดภัย ควรเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นขึ้น กำหนดช่วงอายุของผู้ไปทัศนศึกษา การตรวจสภาพรถ ความพร้อมของพนักงานประจำรถ พลังงานเชื้อเพลิงที่เลือกใช้ และอีกหลายด้านที่ต้องพิจารณาอยางละเอียดร่วมกัน และดูแนวทางการจัดการของต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น โซนยุโรป และโซนอเมริกา เพื่อขยายขอบเขตมาตรฐานความปลอดภัยของผู้เรียน


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar