นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันยังมีการพบโรคพิษสุนัขบ้าได้ทั่วประเทศและอาจมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการโดนสุนัข-แมว กัด หรือข่วน จึงขอเตือนประชาชนว่า โรคพิษสุนัขบ้ามีความรุนแรงหากได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้า ถ้าปล่อยให้เมื่อติดเชื้อและแสดงอาการแล้วจะรักษาไม่หาย ต้องเสียชีวิตทุกราย ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าส่วนใหญ่ เกิดจากการถูกสุนัข หรือแมวกัด-ข่วน แล้วไม่ไปพบแพทย์ ไม่รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างถูกต้อง
หากถูกสุนัข หรือแมว ที่สงสัยว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด ข่วน เลีย น้ำลายกระเด็นเข้าทางตา ปาก หรือทางผิวหนังที่มีบาดแผล แม้แผลเล็กน้อย ควรรีบปฐมพยาบาล โดยล้างแผลทันทีด้วยน้ำและฟอกสบู่เบาๆ หลายๆ ครั้ง เช็ดแผลให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อโพวีโดนไอโอดีน หรือทิงเจอร์ไอโอดีน จากนั้นควรไปพบแพทย์ทันที เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้ครบโดสและควรมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง ให้กักสัตว์ที่สงสัยไว้ 10 วัน
ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนตระหนักถึงการป้องกัน โดยเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงสุนัข แมวอย่างถูกวิธี คุมกำเนิดด้วยการทำหมัน พาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทุกปี เลี้ยงในบริเวณบ้าน อย่าปล่อยออกไปนอกบ้านโดยไม่ดูแลเพราะหากถูกหมาบ้ากัดอาจติดโรคพิษสุนัขบ้า
สำหรับอาการของโรคพิษสุนัขบ้า หลังจากรับเชื้อ ผู้ป่วยจะแสดงอาการเบื่ออาหาร เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีไข้ อ่อนเพลีย ชา เจ็บเสียว หรือปวดบริเวณรอยแผลที่ถูกกัด คันอย่างรุนแรงที่แผล ต่อมาจะมีอาการกระสับกระส่าย ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ กลัวแสง กลัวลม กลัวน้ำ กลืนลำบาก โดยเฉพาะของเหลวและกล้ามเนื้อขากระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก หรืออาจชัก เกร็ง เป็นอัมพาต หมดสติและเสียชีวิตในที่สุด
ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG221004110407716