เริ่มโครงการตั้งแต่ปี 2560 โดยให้ความช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อาทิ วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสำหรับผู้มีรายได้ไม่เกินกว่า 30,000 บาทต่อปี ได้รับ 300 บาทต่อเดือน และผู้ ที่มีรายได้เกินกว่า 30,000 บาทแต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ได้รับ 200 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ ยังได้รับวงเงินสำหรับค่าโดยสารเดินทาง ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ได้แก่ ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าไฟฟ้า และค่าน้ำประปา เป็นต้น กว่า 1,500 บาทต่อเดือน
เนื่องจากที่ผ่านมายังมีกลุ่มตกหล่นที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงการและสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคโควิด-19 ทำให้ข้อมูลผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบันไม่สามารถสะท้อนข้อมูลของผู้มีรายได้น้อย ได้อย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องมีการลงทะเบียนรอบใหม่ในปี 2565 เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการระบุตัวผู้ มีรายได้น้อย และทำให้ฐานข้อมูลของประชาชนผู้มีรายได้น้อยเป็นปัจจุบัน โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 มีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ เดิมและผู้เข้าข่ายได้รับสิทธิรายใหม่ประมาณ 20 ล้านคน
โดยให้คณะผู้บริหารการคลังประจำจังหวัด (คบจ.) เป็นผู้ช่วยประสานงานการลงทะเบียนรอบใหม่ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในการลงทะเบียนรอบใหม่ และสามารถประสานงานสำหรับการลงทะเบียนในต่างจังหวัดให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา ที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ได้บัตรสวัสดิการฯ และปัญหาผู้มีบัตรฯ ที่ไม่ควรได้รับสิทธิ
ทั้งนี้ จะมีการเปิดรับลงทะเบียนตามโครงการฯ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และ จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติและตรวจสอบข้อมูลของผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง อีกด้วย
เกณฑ์ลงทะเบียนที่ปรับใหม่
• เปิดให้ลงทะเบียนสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ (กรกฎาคม - กันยายน 2565) และเริ่มใช้สิทธิ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป
• เปิดรับลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
• มีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
• ผู้ได้รับสิทธิปี 2565 จะใช้บัตรประชาชนแทนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรเดิมใช้ได้ถึง กันยายน 2565)