การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) โดยเฉพาะการประชุมล่าสุด ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ทั่วโลกต้องจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ประเทศไทยในฐานะภาคี ได้กำหนดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานคือการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065
การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่แค่ภาระด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็น วาระทางเศรษฐกิจ ที่จะกำหนดทิศทางการค้า การลงทุน และความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในเวทีโลก ธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็วจะคว้าโอกาส ในขณะที่ธุรกิจที่ละเลยอาจเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่เคยมีมาก่อน
เพิ่มเติม: 1.5°C ในบริบทของการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP) คือ เป้าหมายสูงสุดในการควบคุมอุณหภูมิโลก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
🌡️ ความหมายของ1.5°C
การประชุม COP ครั้งหลัง ๆ เน้นย้ำว่า1.5°C คือขีดจำกัดที่ปลอดภัยกว่า และจำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้เร็วที่สุด เพื่อคงโอกาสในการรักษาอุณหภูมิโลกไว้ที่ขีดจำกัดนี้
📈 ผลกระทบหากเกิน1.5°C
| ผลกระทบ | หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1.5∘C | หากอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 2.0∘C |
|---|---|---|
| แนวปะการัง | สูญเสีย 70% ถึง 90% | สูญเสีย 99% เกือบทั้งหมด |
| คลื่นความร้อน | จะเกิดบ่อยขึ้น แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า | จะเกิดบ่อยขึ้นและรุนแรงมากเป็นพิเศษ |
| ระดับน้ำทะเล | เพิ่มสูงขึ้นแต่มีโอกาสชะลอตัวได้มากกว่า | อัตราการเพิ่มสูงขึ้นเร็วขึ้นและมีโอกาสที่จะสูญเสียแผ่นน้ำแข็งถาวรมากขึ้น |
การที่ประเทศไทยต้องมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065 ก็เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้โลกสามารถรักษาขีดจำกัด1.5°C นี้ไว้ได้
1. ความท้าทายที่สำคัญ: กลไกคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM)
อ้างอิง: คณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้ระบุขอบเขตและระยะเวลาการบังคับใช้ CBAM อย่างชัดเจน ซึ่งเริ่มระยะเปลี่ยนผ่านในปี 2023
2. โอกาสทองของธุรกิจไทย: พลังงานสะอาดและการลงทุนสีเขียว
3. กลยุทธ์การปรับตัวของภาคธุรกิจ
| กลยุทธ์ | แนวทางการปฏิบัติ |
|---|---|
| การวัดและการตรวจสอบ | * กำหนดขอบเขตและวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมา (Scope 1, 2, 3) ตามมาตรฐานสากล * จัดทำข้อมูลคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Product Carbon Footprint) |
| การลดการปล่อยคาร์บอน | * ติดตั้งระบบพลังงานหมุนเวียนในโรงงาน * ปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) * เปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงทางเลือกที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ |
| ห่วงโซ่อุปทานที่ยืดหยุ่น | * ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน (Scope 3) * นำหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้เพื่อลดของเสียและการใช้ทรัพยากร |
| การสร้างนวัตกรรมสีเขียว | * ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาด |
🎯 สรุปและข้อเสนอแนะ
เป้าหมาย Net Zero ปี 2050 ของประเทศไทยเป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบเศรษฐกิจ การประชุม COP28 ได้ตอกย้ำว่าโลกจะไม่รอ ธุรกิจไทยที่ยังคงดำเนินงานในรูปแบบเดิมจะเผชิญกับอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการคาร์บอนข้ามพรมแดน
โอกาส อยู่ที่การลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสะอาด, การเข้าถึงตลาดการเงินสีเขียว, และการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านนวัตกรรมที่ยั่งยืน
ข้อเสนอแนะหลัก สำหรับผู้ประกอบการคือ: อย่ารอให้กฎหมายบังคับ เริ่มต้นจากการ วัดและรายงาน (Measurement & Reporting) คาร์บอนฟุตพริ้นท์ในองค์กรและผลิตภัณฑ์ของคุณตั้งแต่วันนี้ นี่คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเข้าสู่โลกการค้าที่ถูกขับเคลื่อนด้วยคาร์บอนเป็นศูนย์
“มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ก้าวทันโลก พร้อมทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกัน”
📚 แหล่งอ้างอิงที่แนะนำ
[1] European Commission. (n.d.). Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM). สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2568. จาก เว็บไซต์ทางการของคณะกรรมาธิการยุโรป (อ้างอิงถึงข้อมูลอย่างเป็นทางการของ EU เกี่ยวกับกลไก CBAM และระยะเวลาการดำเนินการ)
[2] สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.). (2565). แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan) และเป้าหมายการเปลี่ยนผ่านพลังงาน. สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2568. จาก เว็บไซต์ทางการของ สนพ. (อ้างอิงถึงเป้าหมายการใช้พลังงานหมุนเวียนและแนวทางการพัฒนาพลังงานของประเทศไทยในการบรรลุ Net Zero)
[3] ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.). (n.d.). แนวนโยบายด้านการเงินเพื่อความยั่งยืน (Green Finance/Sustainable Finance). สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2568. จาก เว็บไซต์ทางการของ ธปท. (อ้างอิงถึงบทบาทของ ธปท. ในการสนับสนุนการเงินเพื่อความยั่งยืน และการวางกรอบการดำเนินงานของสถาบันการเงินไทย)
[4] องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) – อบก. (TGO). (n.d.). ข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศและกลไกคาร์บอนเครดิต. สืบค้นเมื่อ 9 ธันวาคม 2568. จาก เว็บไซต์ทางการของ TGO (ข้อมูลเกี่ยวกับกลไกสำคัญของไทยในการบริหารจัดการคาร์บอน)