ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือของไทยเป็นปัญหาที่เกิดจากหลายปัจจัยหลัก ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้
1. การเผาในที่โล่ง
- การเกษตร: เกษตรกรมักเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ตอซังข้าว ข้าวโพด และเศษพืช เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูกในฤดูถัดไป เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกและต้นทุนต่ำ
- การเผาป่า: การเผาป่าเพื่อหาของป่า ทำไร่เลื่อนลอย หรือเตรียมพื้นที่เลี้ยงสัตว์ เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดฝุ่นควัน
2. ภูมิประเทศและภูมิอากาศ
- ลักษณะภูมิประเทศ: ภาคเหนือของไทยมีภูมิประเทศที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง ทำให้อากาศนิ่งในช่วงฤดูหนาว ฝุ่นละอองที่ลอยขึ้นมาจึงไม่กระจายตัวและสะสมในชั้นบรรยากาศ
- สภาพอากาศ: ในช่วงฤดูแล้ง (ธันวาคม-เมษายน) มีความชื้นต่ำ ลมอ่อน และไม่มีฝนช่วยชะล้างฝุ่น ทำให้ฝุ่นสะสมในปริมาณมาก
3. การขนส่งและอุตสาหกรรม
แม้ว่าภาคเหนือจะมีอุตสาหกรรมไม่มากเท่ากรุงเทพฯ แต่การใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันเสียและการก่อสร้างในพื้นที่เมือง เช่น เชียงใหม่ ก็เพิ่มปริมาณ PM2.5
4. แหล่งกำเนิดฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน
การเผาในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา และลาว ที่อยู่ใกล้ชายแดนภาคเหนือของไทย ทำให้ฝุ่นควันข้ามแดนเข้ามาเสริมปัญหาในพื้นที่
5. ขาดการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
แม้จะมีกฎหมายและมาตรการห้ามเผาในช่วงวิกฤติฝุ่นควัน แต่การบังคับใช้ยังไม่ทั่วถึง เกษตรกรหลายคนยังคงเผาต่อไปเพราะไม่มีทางเลือกอื่นที่สะดวกและคุ้มค่า
แนวทางการแก้ปัญหา
การแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และระหว่างประเทศ เช่น
- ส่งเสริมวิธีจัดการเศษวัสดุทางการเกษตรโดยไม่เผา เช่น การทำปุ๋ยหมัก
- ใช้เทคโนโลยีตรวจจับการเผาป่าและเพิ่มการบังคับใช้กฎหมาย
- ปลูกป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อช่วยดูดซับฝุ่น
- ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการลดการเผา
ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่สามารถบรรเทาได้หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจังและยั่งยืน.