สอนลูกให้ปลอดภัยและห่างไกลจากอุบัติเหตุบนท้องถนน


ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นสิ่งที่ทุกคนควรเรียนรู้ติดตัวไว้ โดยเฉพาะครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเขตชุมชนยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เด็กต้องออกจากบ้าน หรือออกไปเล่นกับเพื่อนก็ล้วนแต่มีความเสี่ยงต่อชีวิตแทบทั้งสิ้น เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุบนท้องถนน น้องโสสะขอมาแนะนำคุณพ่อคุณแม่สำหรับวิธีการสอนลูกในเรื่องนี้กันครับ

อุบัติเหตุบนท้องถนน ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม

จากสถิติในปีพ.ศ. 2565 ที่ผ่านมาพบว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น การเมาแล้วขับ หลับใน และขับรถเร็วเกินอัตรากำหนด ซึ่งเด็กตั้งแต่อายุ 1-18 ปีที่บาดเจ็บและเสียชีวิตนั้นมีมากถึง 19.08% ของจำนวนผู้ประสบเหตุทั้งหมด นอกจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนท้องถนนแล้ว อุบัติเหตุในจำนวนไม่น้อยก็ยังเกิดขึ้นกับคนที่ใช้ทางเท้าสัญจรไปมาในชีวิตประจำวัน ซึ่งสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุกับคนบนทางเท้านั้นมาจากการตัดหน้ารถสูงถึง 22% มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราจึงต้องให้ความสำคัญและไม่ควรมองข้ามอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับลูกของเราบนท้องถนน
 

ความปลอดภัยทางถนน สอนลูกอย่างไรให้ได้ผล

วิธีการสอนลูกในการป้องกันตัวเองจากอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นไม่จำเป็นต้องยากเสมอไป ในฐานะพ่อแม่ก็สามารถสอนลูกได้ง่ายๆ ด้วยการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก โดยเริ่มจากปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เช่น ง่วงไม่ขับ เมาไม่ขับ ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรในทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังต้องสอนและปฏิบัติควบคู่กับลูกในสถานการณ์จริงไปด้วย เมื่อลูกทำตามได้อย่างถูกต้อง อย่าลืมให้รางวัลเป็นขนมหรือคำชมเป็นการตอบแทน ก็จะช่วยจูงใจให้เด็กๆ ใส่ใจและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยบนท้องถนนมากขึ้น เรามาดูแนวทางการสอนลูกให้ปลอดภัยและห่างไกลจากอุบัติเหตุบนท้องถนน กันครับ
 

1. เดินเท้าปลอดภัย ช่วยลดอุบัติเหตุ

สิ่งแรกที่ใกล้ตัวมากที่สุดคือการใช้ฟุตพาทหรือทางเท้าที่ถูกต้องและปลอดภัย เนื่องจากในปัจจุบันยังมีการฝ่าฝืนกฎจราจรจากผู้ขับขี่อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ที่สัญจรไปมาบนทางเท้า อีกทั้งบางแห่งมีการชำรุดเสียหาย ยิ่งทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง สามารถสอนและแนะนำพื้นฐานการใช้ทางเท้าอย่างถูกต้องเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกได้ ดังนี้

  • ให้เดินบนทางเท้าทุกครั้ง ถ้าไม่มีทางเท้าให้เดินชิดไกลจากขอบถนน ไม่เดินใกล้กับแนวทางเดินรถ หากมากับเพื่อน ให้เดินเรียงเดี่ยวตามหลังกันไป

  • เมื่อต้องเดินถนนในที่มืด ควรสวมใส่เสื้อสีขาวหรือสีสว่าง หรือนำไฟฉายติดตัวไปด้วย

  • ทางเท้าบางแห่งอาจชำรุด ไม่เรียบ กระดกไปมาหรืออาจมีน้ำขัง ต้องสอนลูกให้ระมัดระวังในการเดิน ตามองตรง ไม่ควรวิ่ง

2. ข้อควรรู้สำคัญเกี่ยวกับไฟจราจร

สอนให้ลูกรู้จักสัญญาณไฟจราจรรูปแบบต่างๆ ว่าแต่ละสีนั้นแตกต่างกันอย่างไร เพราะสัญญาณไฟจราจรไม่ได้มีไว้สำหรับผู้ขับขี่เพียงเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อคนเดินเท้าด้วย โดยสัญญาณไฟจราจรพื้นฐานที่ลูกควรรู้มีดังนี้

  • สีแดง หมายถึง ให้รถหยุดรอจนกว่าสัญญาณจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวถึงไปได้
  • สีเหลือง หมายถึง ให้ชะลอรถเพื่อเตรียมตัวหยุด เนื่องจากสัญญาณต่อไปคือสีแดง
  • สีเขียว หมายถึง ให้รถวิ่งไปต่อ

เมื่อรู้จักไฟจราจรแต่ละสีแล้ว ต้องสอนลูกให้รู้จักการข้ามถนนโดยดูจากสัญญาณไฟจราจรด้วย ในฐานะคนข้าม ต้องรอให้สัญญาณไฟเป็นสีแดงก่อน จากนั้นจึงมองซ้าย-ขวาก่อนข้ามถนนทุก และห้ามข้ามถนนเด็ดขาดเมื่อสัญญาณไฟเป็นสีเขียวเพราะเป็นช่วงที่รถแล่นไปมา ซึ่งความรู้เหล่านี้จะเป็นการปลูกฝังอุปนิสัยการขับขี่ที่ดีเมื่อลูกเติบโตขึ้น
 

3. ข้ามถนนให้ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งรอบข้าง

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การใช้สะพานลอยและทางม้าลายอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะแม้จะมีทางม้าลายแต่ก็อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นกัน จึงควรสอนให้ระมัดระวังตัวเมื่อต้องข้ามถนน โดยพ่อแม่สามารถสอนลูกได้ดังนี้

  • หากใช้สะพานลอยที่มีสายไฟพาดตามราวจับ ต้องระมัดระวังอย่าให้ร่างกายไปโดนเพราะอาจโดนไฟดูดได้
  • ก่อนข้ามต้องหยุดที่ขอบถนน มองซ้าย-ขวาและใช้หูฟังเสียงว่ามีรถกำลังแล่นมาหรือไม่ เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้วจึงข้ามถนนอย่างระมัดระวัง ไม่วิ่ง ไม่เล่นโทรศัพท์มือถือ และไม่หยอกล้อกัน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
  • หากบริเวณที่ข้ามมีสัญญาณไฟสำหรับคนข้ามถนน ต้องรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวและรอให้รถหยุด จึงค่อยข้ามถนน
  • เมื่อข้ามถนนบริเวณทางแยก ต้องระมัดระวังรถที่กำลังเลี้ยวมาด้วย
     

4. คาดเข็มขัด ใส่หมวกกันน็อก ลดอุบัติเหตุ

เมื่อพ่อแม่ต้องใช้รถในการเดินทางโดยมีลูกนั่งมาด้วย ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎจราจรอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัยทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น โดยเริ่มต้นจากการเป็นตัวอย่างที่ดี และสอนให้ลูกปฏิบัติตามหลักการใช้งานที่ปลอดภัยได้ดังนี้

  • การโดยสารรถยนต์ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ต้องใส่หมวกกันน็อกทุกครั้ง
  • ย้ำเตือนให้เด็กคาดเข็มขัดนิรภัยและสวมใส่หมวกกันน็อกที่เหมาะกับตนเอง ไม่รัดหรือหลวมจนเกินไป
  • ไม่นำลูกนั่งหรือนอนบนตักขณะเดินทาง สำหรับเด็กเล็กควรให้ลูกนั่งบนคาร์ซีท (Car Seat) ที่ติดตั้งอย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน

    ข้อมูล : มูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทยฯ

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar