จากการที่ 'นายเศรษฐา หวีสิน' นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศไทย และยืนยันถึง 'การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท' พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน หาแนวทางร่วมกับหน่วยงานภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม เพื่อรับฟังข้อเสนอจากภาคเอกชนนั้นหลายภาคส่วนตั้งข้อสังเกตว่าจะสามารถดำเนินการตามนโยบายข้างต้นได้หรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า นโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำนั้น เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเกิดขึ้นจริง
โดยคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22ได้เคาะปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบแรก วันละ 2-16 บาท มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2567 แบ่งเป็น 17 กลุ่ม ดังนี้
- อัตรา 370 บาท 1 จังหวัด คือ ภูเก็ต
- อัตรา 363 บาท 6 จังหวัด คือ กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร
- อัตรา 361 บาท 2 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง
- อัตรา 352 บาท 1 จังหวัด คือ นครราชสีมา
- อัตรา 351 บาท 1 จังหวัด คือ สมุทรสงคราม
- อัตรา 350 บาท 6 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ขอนแก่น เชียงใหม่
- อัตรา 349 บาท 1 จังหวัด คือ ลพบุรี
- อัตรา 348 บาท 3 จังหวัด คือ สุพรรณบุรี นครนายก หนองคาย
- อัตรา 347 บาท 2 จังหวัดคือ กระบี่ ตราด
- อัตรา 345 บาท 15 จังหวัดคือ กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สงขลาพังงา จันทบุรี สระแก้ว นครพนม มุกดาหาร สกลนคร บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงราย ตาก พิษณุโลก
- อัตรา 344 บาท 3 จังหวัด คือ เพชรบุรี ชุมพร สุรินทร์
- อัตรา 343 บาท 3 จังหวัด คือ ยโสธร ลำพูน นครสวรรค์
- อัตรา 342 บาท 5 จังหวัด คือนครศรีธรรมราช บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์
- อัตรา 341 บาท 5 จังหวัด คือ ขัยนาท สิงห์บุรี พัทลุง ชัยภูมิ อ่างทอง
- อัตรา 340 บาท 16 จังหวัด คือ ระนอง สตูล เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี มหาสารคาม ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชรพิจิตร อุทัยธานี ราชบุรี
- อัตรา 338 บาท 4 จังหวัด คือ ตรัง น่าน พะเยา แพร่
- อัตรา 330 บาท 3 จังหวัด คือ นราธิวาส ปัตตานี ยะลา
ต่อมา ได้มีการเคาะปรับค่าจ้างขั้นต่ำครั้งที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกสำหรับการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ไมได้ทำพร้อมกันทั้งประเทศ แต่เป็นการเลือกเป็นบางจังหวัดและรายพื้นที่ เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบทั้งภาคอุตสาหกรรมและการผลิต และคำนึงถึงความเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อโดยที่ประชุมมีมติเอกฉันฑ์ให้ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำใน 10 จังหวัดนำร่อง และขึ้นในบางพื้นที่นำร่อง ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง เจาะจงที่ธุรกิจโรงแรมที่พักระดับ 4 ดาวขึ้นไป ที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป ได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นเงินวันละ 400 บาทใน 10 จังหวัด โดยมีผลวันที่ 13เม.ย.2567 เป็นต้นไป ตามมติของคณะกรรมการค่าจ้าง คือ
- จังหวัดกรุงเทพมหานคร เฉพาะเขตปทุมวันและเขตวัฒนา
- จังหวัดกระบี่ เฉพาะเขตองค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง
- จังหวัดชลบุรี เฉพาะเขตเมืองพัทยา
- จังหวัดเชียงใหม่ เฉพาะเขตเทศบาลนครเชียงใหม่
- จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะเขตเทศบาลหัวหิน
- จังหวัดพังงา เฉพาะเขตเทศบาลตำบลคึกคัก
- จังหวัดภูเก็ต (ทั้งจังหวัด)
- จังหวัดระยอง เฉพาะเขตตำบลบ้านเพ
- จังหวัดสงขลา เฉพาะเขตเทศบาลนครหาดใหญ่
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี เฉพาะเขตอำเภอเกาะสมุย ในขณะที่
พื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในรายชื่อ 10 พื้นที่นี้ ค่าแรงขั้นต่ำ ยังคงอยู่ที่ 330-370 บาท ตามที่มีการปรับขึ้นแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
โดยเหตุผลที่มีการปรับขึ้นเฉพาะ 10 พื้นที่นี้ นั้น เนื่องจากคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ มองว่ อุตสาหกรมการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ขณะที่ธุรกิจการให้บริการที่พักแรมมีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง และ 10 พื้นที่ จังหวัดดังกล่าวเป็นพื้นที่จังหวัดที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง
คณะกรรมการค่าจ้างๆ จึงได้กำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรมครั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โรงแรม ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาคและรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายเพื่อให้นายจ้าง และลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข
หลายเสียงถามว่า หากนายจ้างไม่ปรับขึ้นค่าแรง จะเป็นอะไรไหม...คำตอบคือ หากนายจ้างไม่ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานปี 2541 โดยลูกจ้างสามารถร้องเรียนได้ที่กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกระทรวงแรงงาน
แหล่งที่มา : กระทรวงแรงงาน