เนื่องด้วยวันที่ 25 เมษายนของทุกปี ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้เป็น ‘วันมาลาเรียโลก’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัญหาทางสาธารณสุขของไทย โดยมียุงก้นปล่องเป็นพาหะที่มักอาศัยตามพื้นที่ภูเขาสูง ป่าทึบ บ้านเรือน หรือชุมชน

สำหรับผู้ติดเชื้อโรคมาลาเรีย จะมีอาการไข้สูง พร้อมทั้งปวดศีรษะในเบื้องต้น และหากปล่อยไว้ปราศจากการรักษา อาจเกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคมาลาเรียขึ้นสมอง น้ำตาลในเลือดต่ำ ไตล้มเหลว น้ำท่วมปอด และเสียชีวิตได้ในท้ายที่สุด

สถานการณ์โรคมาลาเรีย พบว่าแต่ละปีมีผู้ติดเชื้อจากทั่วโลกกว่า 300 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในขณะที่ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า การติดเชื้อโรคมาลาเรียในประเทศไทยนั้น มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นสถิติจากปี พ.ศ. 2564 ที่มีผู้ติดเชื้อประมาณ 500 ราย เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวนผู้ป่วย 1.5 แสนราย แต่อย่างไรก็ตาม การเฝ้าระวังและป้องกันตนเอง เพื่อไม่ให้ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นในปีถัดไป ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

สำหรับการดำเนินการจัดการโรคจากยุงก้นปล่องดังกล่าวนี้ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย แต่สำหรับภาคประชาชนทั่วไปแล้ว ‘การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม’ เพื่อป้องกันตนเอง ถือเป็นการดำเนินการที่ดีที่สุด เช่น การนอนกางมุ้ง สวมเสื้อปกปิดร่างกาย ใช้ยาทากันยุง และที่สำคัญเมื่อรู้สึกว่าตนเองป่วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ พร้อมทั้งรับคำปรึกษาที่ถูกต้อง

ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)