นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า อิทธิพลของร่องมรสุมกำลังปานกลางพาดผ่านภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออก ประกอบกับมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ตอนล่าง และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยถึงวันที่ 22 ตุลาคม ประเทศไทยจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงและมีฝนตกหนักบางแห่ง ทำให้ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากบริเวณจังหวัดตาก สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี ยะลา และจังหวัดนราธิวาส

ขณะที่วันนี้ (20 ต.ค.66) ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับเพิ่มการระบายน้ำบริเวณสถานีวัดน้ำ C.13 อ.สรรพยา จังหวัดชัยนาท อยู่ที่ 1,719 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเร่งระบายน้ำตอนบนที่ไหลลงมาเพิ่มในลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่ภาพรวมปริมาณน้ำจากตอนบนของประเทศเริ่มลดลงต่อเนื่อง ส่วนการตัดยอดน้ำออกทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกของลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ที่ 579 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แบ่งเป็น รับน้ำฝั่งตะวันตก 399 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และรับน้ำฝั่งตะวันออก 180 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ด้านสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำชีและลุ่มน้ำมูล การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ลงสู่ลำน้ำพองวันละ 25 - 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ตามแนวโน้มสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน โดยจะทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตรจนถึงวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณริมฝั่งลำน้ำพองและลำน้ำชีเฝ้าระวังระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมพร้อมขนย้ายสิ่งของและทรัพย์สินขึ้นที่สูง

สำหรับมาตรการและการช่วยเหลือประชาชน ที่ประสบอุทกภัยหน่วยงานต่างๆ ยังคงเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างกรมชลประทานเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 2 เครื่อง เพื่อเตรียมระบายน้ำ บริเวณประตูระบายน้ำห้วยใหญ่ ตำบลสำราญ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองขอนแก่น พร้อมนำเรือนวัตกรรมเก็บวัชพืชในคลองมหาสวัสดิ์ บริเวณประตูน้ำฉิมพลีฝั่งตะวันออกจนถึงคลองบางกอกน้อย เพื่อกำจัดวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำ แก้ความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรทางน้ำและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำได้ดีขึ้น