มท.เร่งผลักดัน 7 ด้าน ป้องกันภัยแล้ง ปี 64

พล.อ.อนุ พงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เพื่อเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ปี 64 ได้สั่งการให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทุกจังหวัดดำเนินการ 7 ด้าน คือ

 

1⃣ ใช้กลไกระบบบัญชาการเหตุการณ์ตามกฎหมายและแผนว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใน 3 กลุ่มภารกิจหลัก ได้แก่

▪ กลุ่มพยากรณ์ ตั้งคณะทำงานติดตามสถานการณ์ ทำหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ สภาพน้ำท่า และระดับน้ำในแหล่งเก็บน้ำขนาดต่างๆ ในพื้นที่อย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์น้ำต้นทุน และความต้องการใช้น้ำในด้านต่างๆ

▪ กลุ่มบริหารจัดการน้ำ โดยดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการ/คณะทำงานของจังหวัด ทำหน้าที่วางแผนการใช้น้ำในลักษณะต่างๆ ทั้งการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศน์ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม ให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน รวมทั้งกำหนดแนวทางในการระบายน้ำและกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ ให้เป็นไปอย่างครอบคลุม สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในพื้นที่

▪ กลุ่มปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยจัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย โดยบูรณาการฝ่ายพลเรือน หน่วยทหาร ภาคเอกชน เข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหากรณีน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนเป็นลำดับแรก พร้อมทั้งกำหนดแบ่งพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ และมอบหมายหน่วยงาน/ภารกิจ หน่วยสนับสนุนให้ครอบคลุมแต่ละพื้นที่ และพร้อมเผชิญเหตุตลอด 24 ชั่วโมง

 

2⃣ สำรวจ ตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคให้ถึงระดับหมู่บ้าน/ชุมชน พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแผนรองรับ อาทิ แหล่งสำรองน้ำดิบ แผนการวางท่อน้ำประปา แผนรับน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำโดยตรง และแผนจัดสรรน้ำดิบ เพื่อให้การผลิตน้ำประปาเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่

 

3⃣ ทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุภัยแล้งของจังหวัดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลผลการสำรวจพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำของจังหวัด บทเรียนจากการปฏิบัติงาน ปัญหาอุปสรรคจากปีที่ผ่านมา ประกอบการวางแผนบูรณาการและแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

 

4⃣ ในส่วนของการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร ให้ดำเนินการตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการเกษตรในช่วงฤดูแล้ง ปี 2563/64 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมกำหนดมาตรการรองรับในพื้นที่ โดยเฉพาะพืชสวน ไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และให้พิจารณาดำเนินการปฏิบัติการเติมน้ำ โดยประสานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จัดทำฝนหลวงในพื้นที่เกษตรและพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำเมื่อสภาวะอากาศเอื้ออำนวย

 

5⃣ เฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำ คู คลอง หรือแหล่งน้ำต่างๆ และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมจัดการน้ำเสียตามหลัก 3R (Reduce ลดการใช้ Reuse การใช้ซ้ำ และRecycle นำกลับมาใช้ใหม่) รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่รับผิดชอบเส้นทางคมนาคมที่มีแนวติดคลอง ลำน้ำ หรือแม่น้ำต่าง ๆ สำรวจและกำหนดมาตรการรองรับกรณีเกิดการพังทลายของตลิ่ง

 

6⃣ ให้ฝ่ายปกครองร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่ สอดส่อง ทำความเข้าใจ และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน โดยเฉพาะกรณีการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ระมัดระวังมิให้เกิดปัญหาความขัดแย้งจากกรณีการแย่งชิงน้ำ

 

7⃣ สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ ตลอดจนมาตรการบริหารจัดการน้ำของภาครัฐ รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการใช้น้ำอย่างประหยัด และเชิญชวนประชาชนจิตอาสาในพื้นที่ ร่วมซ่อมสร้าง บำรุงรักษาแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็ก


image รูปภาพ
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar