นายกฯ ยินดีกับความสำเร็จที่สามารถมีการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) หลังใช้เวลาในการเจรจากว่า 7 ปี

นายกฯ ยินดีกับความสำเร็จที่สามารถมีการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) หลังใช้เวลาในการเจรจากว่า 7 ปี จากความพยายามของประเทศไทยในการเจรจาในวาระที่ไทยเป็นประธานการประชุมสุดยอดอาเซียน เมื่อปี 62 ซึ่ง มีการเจรจากันมาอย่างยาวนานตั้งแต่การประกาศให้มีการเริ่มเจรจาจัดทำความตกลง RCEP อย่างเป็นทางการในปี 56

ทั้งนี้จะเป็นความตกลงการค้าเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งถือว่าเป็นความตกลงความร่วมมือทางการค้าที่มีตลาดขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้เคยลงนามกัน ประเทศที่เข้าร่วมตกลงกันทั้ง 15 ประเทศมีประชากรรวมคิดเป็น 30% ของประชากรโลก (เกือบ 2,252 ล้านคน) มี GDP รวมกันคิดเป็น 30% ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมคิดเป็น 27.4% ของมูลค่าการค้าโลก

เป็นความภูมิใจ ที่รัฐบาลจะเพิ่มโอกาส และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่สินค้าไทย คาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม สำหรับวัตถุประสงค์ของข้อตกลง RCEP คือการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่ทันสมัย ครอบคลุม คุณภาพสูงและเป็นประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าและการลงทุนในภูมิภาค และสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของโลก นำมาซึ่งโอกาสทางการตลาดและการจ้างงานให้กับธุรกิจ และผู้คนในภูมิภาค

อีกทั้งยังเป็นการปรับปรุงความครอบคลุมของเขตการค้าเสรีอาเซียนบวกหนึ่งที่มีอยู่ คำนึงถึงความเป็นจริงทางการค้าที่เปลี่ยนแปลง และเกิดขึ้นใหม่ รวมถึงยุคของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ศักยภาพของวิสาหกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดย่อม การขยายตัวของภูมิภาค ห่วงโซ่คุณค่า และความซับซ้อนของการแข่งขันในตลาด นอกจากนี้ ข้อตกลง RCEP นี้เป็นการปรับปรุง เสริมข้อตกลงที่มีอยู่แล้วในบทบัญญัติขององค์การการค้าโลก (WTO) อีกด้วย
ที่มา : 

 


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar