ธนาคารของรัฐ เร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้จำนวนกว่า 6.57 ล้านราย หลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ทั้งระบบ 12.12 ล้านราย วงเงินคงค้าง 6.9 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 6.57 ล้านราย วงเงินคงค้าง 2.89 ล้านล้านบาท จึงสั่งการให้แต่ละธนาคารเร่งให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ลูกหนี้ธนาคารของรัฐ ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกอบด้วย ลูกหนี้ที่ยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และยังไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ หรือมีรายได้ไม่แน่นอน ธนาคารของรัฐสามารถขยายระยะเวลาการพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563 หรือไม่เกินเดือนมิถุนายน 2564 เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกหนี้มีสถานะเป็น NPLs และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย 

ส่วนลูกหนี้ที่เริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้แต่ธุรกิจยังไม่ฟื้นตัว ธนาคารของรัฐต้องเร่งปรับโครงสร้างหนี้ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2563 เพื่อให้เงื่อนไขการจ่ายหนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ของลูกหนี้และลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว สำหรับลูกหนี้ที่มีความพร้อมและสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ ธนาคารของรัฐจะรับชำระหนี้ตามปกติ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยของลูกหนี้ตลอดระยะเวลาสัญญา

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า สำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับการพักชำระหนี้ตามมาตรการอื่นๆ จากธนาคารของรัฐ ได้มอบหมายให้มีการขยายระยะเวลาพักชำระหนี้ให้กลุ่มลูกหนี้ที่ยังไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้หรือมีรายได้ไม่แน่นอนจากสถานการณ์โควิด-19 เช่น การพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย ไม่เกิน 6 เดือนนับจากสิ้นปี 2563 การปรับโครงสร้างหนี้ การให้สินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและเป็นแหล่งทุน และการให้แรงจูงใจแก่ลูกหนี้ที่มีศักยภาพกลับมาชำระหนี้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจติดตามดูแลลูกหนี้แต่ละรายอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs และลูกหนี้รายย่อยได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุด โดยแต่ละธนาคารได้มีการกันวงเงินไว้แล้ว

ที่มา  https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG201022151018580