ไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางบริการสุขภาพ เพื่อสร้างเศรษฐกิจของประเทศ

กรมประชาสัมพันธ์ พาสื่อมวลชนศึกษาดูงานศูนย์บริการเชิงสุขภาพ (Wellness Hub) ย้ำความพร้อมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลกของไทย 

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ รักษ (รัก-ษะ) ศูนย์บริการสุขภาพและการแพทย์ อำเภอบางกระเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ นางสุดฤทัย เลิศเกษม รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “ศูนย์กลางบริการสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจไทย” (Press Briefing and Study Tour “Wellness Hub to Promote Healthcare and Strengthen the Thai Economy) โดยมีนางณัฐนันท์ รจนกร ผู้อำนวยการสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ 
กรมประชาสัมพันธ์ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยสื่อมวลชนต่างประเทศและสื่อมวลชนไทย จำนวน 30 คน เข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารด้านความพร้อมการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ (Medical & Wellness Tourism) ของไทย

รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า กรมประชาสัมพันธ์ มีส่วนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์นโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) ทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub) ศูนย์กลางบริการการแพทย์ (Medical Service Hub) ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub) และศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ (Product Hub) สำหรับกิจกรรมครั้งนี้มุ่งเน้นความพร้อมของไทยด้านการเป็นศูนย์กลางส่งเสริมสุขภาพนานาชาติ (Wellness Hub) ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์ของไทย หรือ Medical & Wellness Tourism และก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพระดับโลก โดยพัฒนาศักยภาพของสถานบริการสุขภาพทุกระดับให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน ที่ผ่านมาไทยยังได้รับการยอมรับในระดับสากล เมื่อปี 2564 Medical Hub Tourism Association จัดอันดับให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยติดอันดับ 5 ของโลก ด้วยเหตุผลด้านแพทย์ไทยมีศักยภาพและชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ คุณภาพและมาตรฐานการรักษาในระดับสากล ค่ารักษาพยาบาลที่สมเหตุสมผล รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลยังได้อำนวยความสะดวกผู้ที่เดินทางมาใช้บริการด้านสุขภาพ โดยขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยรวม 90 วัน สำหรับผู้ป่วยและผู้ติดตาม กรณีเดินทางเข้ามารับการรักษาพยาบาลในกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งประกอบด้วยกัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงการขยายระยะเวลาพำนักในราชอาณาจักรไทยสำหรับกลุ่มพำนักระยะยาว (Long Stay) จากเดิม 1 ปี ขยายเป็น 10 ปี 

กรมประชาสัมพันธ์ ตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายรัฐบาลด้านสุขภาพ หนึ่งในประเด็นหลักจากการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APEC ปี 2565 ซึ่งนอกจากจะช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพและสมดุลชีวิตที่ดีสำหรับคนไทยและคนทั่วโลกแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งอีกด้วย จึงเป็นที่มาของโครงการพาสื่อมวลชนศึกษาดูงานศูนย์บริการเชิงสุขภาพครั้งนี้ ซึ่งทุกท่านจะได้สัมผัสกับเอกลักษณ์ด้าน Soft Power ของไทยด้วย 

ด้านผู้อำนวยการสำนักการประชาสัมพันธ์ต่างประเทศ กล่าวถึงการนำเสนอ รักษ ศูนย์บริการทางการแพทย์และสุขภาพ ให้กับสื่อมวลชนในวันนี้ เนื่องจาก รักษ เป็นหนึ่งในสถานประกอบการด้านสุขภาพของไทยที่
ประสบความสำเร็จ ให้บริการครบวงจรทั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการแพทย์แผนดั้งเดิม ภายใต้การดูแล
ของผู้เชี่ยวชาญ มีมาตรฐานการบริการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวต่างประเทศ อย่างไรก็ดี สถานบริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐานสามารถพบได้ทั่วประเทศ และให้บริการที่หลากหลาย

ทั้งนี้ กิจกรรมช่วงเสวนา สื่อมวลชนได้รับฟังภาพรวมยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ การส่งเสริมบริการสุขภาพดึงการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ความพร้อมของสถานประกอบการ ตลอดจนการสื่อสารการตลาดเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โดยนายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นางกันยารัตน์ กุยสุวรรณ รองผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรมและบริการการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์แผนปัจจุบันและแผนดั้งเดิม พร้อมศึกษานวัตกรรมในการดูแลสุขภาพ (Vitalife Scientific) เพื่อส่งเสริมสุขภาพและเวชศาสตร์ชะลอวัย และการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Wellness) อาทิ นวดแผนไทย นวดกดจุดฝ่าเท้า และนวดน้ำมัน เพื่อเป็นแนวทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพควบคู่กับการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักต่อไป


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar