นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. มีแนวนโยบายกำกับดูแลการให้บริการทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับ Stablecoin แต่ละประเภท ซึ่งเป็นเหรียญสกุลดิจิทัล ประกอบด้วย Stablecoin ประเภทที่มีเงินบาทหนุนหลัง เป็นคริปโทเคอร์เรนซีประเภทหนึ่งที่พยายามลดความผันผวนโดยผูกมูลค่ากับเงินบาท และนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการชำระเงิน ซึ่งอาจมีลักษณะเข้าข่ายเป็นบริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้พระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 ที่ ธปท. กำกับดูแลความเสี่ยงในมิติต่างๆ ได้แก่ ด้านการชำระราคา ด้านการฟอกเงิน ด้านความปลอดภัยทางเทคโนโลยีและด้านการคุ้มครองผู้ใช้บริการ จึงขอให้ผู้ที่ประสงค์จะให้บริการในลักษณะดังกล่าวหารือกับ ธปท. เพื่อพิจารณาก่อนเริ่มดำเนินการ
ทั้งนี้นโยบายการกำกับดูแล Stablecoin ดังกล่าว สอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลในหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เป็นต้น และ Stablecoin ประเภทอื่น ได้แก่ ประเภทที่มีเงินตราต่างประเทศหนุนหลัง มีสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอื่นๆ หนุนหลัง หรือประเภทที่ใช้กลไกอื่นๆ เพื่อประมวลผลให้สามารถคงมูลค่าได้แม้ไม่มีสินทรัพย์หนุนหลังที่ไม่ได้เข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่ง ธปท. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นก่อนพิจารณาแนวทางกำกับดูแลที่เหมาะสมต่อไป
ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ธปท. อยู่ระหว่างการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลระดับประชาชนให้มีความปลอดภัย ตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชนและภาคธุรกิจสามารถนำไปต่อยอดเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการ เพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินและพัฒนานวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ได้ รวมทั้ง ธปท. จะยังติดตามพัฒนาการของเทคโนโลยีใหม่ๆ ในภาคการเงินอย่างใกล้ชิด โดยพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมากำหนดนโยบายที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศ
ที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG210319151916261