กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27
กรกฎาคม 2559 นายกฤษณ์สัมพันธ์
เมนะสูต นักวิชาการอิสระอาวุโส (k.mns.nesac@hotmail.com) ได้เสนอความเห็น 4 ประเด็นต่อร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) ได้แก่ (1) การส่งเสริมให้มีการใช้ยุทธศาสตร์การสื่อสาร
เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
(2) การเพิ่มผลิตภาพของปัจจัยการผลิตในส่วนของการยกระดับแรงงานไร้ฝีมือ
(Unskilled Labor) ให้เป็นแรงงานฝีมือ (Skilled Labor) โดยการใช้มาตรการสนับสนุนด้านการคลัง (3) การพัฒนาภาคการเกษตรของไทย
และ (4) การใช้แหล่งเงินทุนที่ได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร
(รายได้รัฐจากการประมูลระบบ 3G และ 4G) ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีสาขาต่างๆ
ผ่านสมาร์ทโฟน
ภายหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
(สศช.) จัดการประชุมประจำปี 2559 เรื่อง
"ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) เมื่อวันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม 2559 ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์บอลรูม
ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี กฤษณ์สัมพันธ์
เมนะสูต นักวิชาการอิสระอาวุโส ได้มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาของยุทธศาสตร์ที่
1 การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทุนมนุษย์ ยุทธศาสตร์ที่ 2
การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันอย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์ที่ 8
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม ดังนี้
1. ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนา การส่งเสริมให้มีการใช้ยุทธศาสตร์การสื่อสาร เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
12 ยุทธศาสตร์ที่ 1
การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทุนมนุษย์
เหตุผลสนับสนุน จากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสไปศึกษาและร่วมประชุมเกี่ยวกับภารกิจด้านการประชาสัมพันธ์ของหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขของประเทศ
พบว่า หน่วยงานได้รับงบประมาณด้านการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม
เพื่อจัดทำสื่อสาธารณะต่างๆ ค่อนข้างจำกัด เช่น ในปีงบประมาณ 2559 ได้รับงบเพียง
13 ล้านบาทเศษ ทั้งๆ ที่ทางหน่วยงาน ไม่มีปัญหาในการจัดทำเนื้อหา (Content) ด้านวิชาการ แต่มีงบไม่เพียงพอในการผลิตสื่อสาธารณะต่างๆ
เพื่อเผยแพร่ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและการจัดทำ Application ผ่านระบบสมาร์ทโฟน
ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชนทั่วไปได้มาก เช่น
การให้ความรู้แก่คุณแม่วัยใส การแก้ปัญหาเยาวชนในช่วงวัยรุ่น การลดการกินหวาน
การลดการกินเค็ม การส่งเสริมการออกกำลังกาย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้
จึงมีข้อเสนอแนะดังกล่าว เพื่อให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศได้รับในการพัฒนาด้านการสื่อสารสุขภาพ
เพื่อให้ประชาชนได้รับการส่งเสริมด้านสุขภาพที่ดีขึ้นและทั่วถึง รวมทั้ง
การให้กรมฯ เพิ่มความร่วมมือกับองค์การภาคเอกชน เช่น กลุ่มหมอชาวบ้าน เป็นต้น และสื่อสาธารณะ
เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เป็นต้น
2. ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนา การเพิ่มผลิตภาพของปัจจัยการผลิตในส่วนของการยกระดับแรงงานไร้ฝีมือ (Unskilled
Labor) ให้เป็นแรงงานฝีมือ (Skilled Labor)
โดยการใช้มาตรการสนับสนุนด้านการคลัง เช่น การลดหย่อนภาษี เป็นต้น
ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
12 ยุทธศาสตร์ที่ 1
การพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทุนมนุษย์
เหตุผลสนับสนุน
ภาครัฐน่าจะใช้มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับแรงงานที่ไร้ฝีมือหรือที่มีฝีมือก็ตามที่ต้องการฝึกอบรมเพื่อ
upgrade ตัวเองให้มีศักยภาพในการผลิตและบริการ (ข้อมูลบางส่วนจากการไปร่วมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ของกรมการข้าว
พ.ศ. 2558 - 2562) ในสาขาที่ขาดแคลน หรือในสาขาที่ใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการผลิตและการบริการ
ที่ต้องใช้ความรู้เพิ่มขึ้น โดยแรงงานที่มีรายได้สามารถนำค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้ในวงเงินจำกัด
เช่น 15,000 20,000 บาทต่อปี โดยมีการศึกษาความเหมาะสมในเรื่องนี้
โดยกระทรวงการคลังต่อไป นอกจากนี้ ในด้านงบประมาณรายจ่าย
ควรเพิ่มงบฝึกอบรมแรงงานให้กับศูนย์ฝึกอบรมแรงานของกระทรวงแรงงานอีกด้วย ทั้งนี้
เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12
ที่กำหนดให้ผลิตภาพของปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ต่อปี
3. ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนา การพัฒนาภาคการเกษตรของไทย
- การเสริมสร้างขีดความสามารถในการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร
โดยเฉพาะการผลิตข้าวในเขตที่มีเกษตรกรยากจน โดยการปรับโครงสร้างการผลิตด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพผลผลิตข้าว
รวมทั้ง การจัดการความเสี่ยง โดยมีมาตรการส่งเสริมในพื้นที่เหมาะสมในการปลูกข้าว
พื้นที่เหมาะสมในการปลูกข้าวปานกลาง และพื้นที่ไม่เหมาะสมกับการปลูกข้าว
ซึ่งต้องมีมาตรการปลูกพืชทดแทนหรือพืชเสริมในพื้นที่
เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร รวมทั้งการแก้ปัญหาอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
การพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอ การสนับสนุนดอกเบี้ยผ่อนปรน เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนการผลิต
รวมทั้ง การพัฒนาการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวให้มีคุณภาพมาตรฐานในศูนย์ข้าวชุมชนต่างๆ
(ข้าวอินทรีย์ GI และ GAP)
- การส่งเสริมการผลิตข้าวแบบแปลงใหญ่
ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะในการปลูกข้าวพันธุ์ต่างๆ เช่น
กลุ่มหอมมะลิในเขตอีสานใต้ กลุ่มข้าวเหนียวในเขตอีสานเหนือ กลุ่มข้าวขาว
และกลุ่มข้าวหอมปทุมในเขตลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำแม่กลอง เป็นต้น
-
เพิ่มงบในการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าวและพืชอื่นๆ เช่น
เครื่องสำอาง ยา และสินค้าชีวภาพต่างๆ เป็นต้น
- ในแหล่งผลิตข้าวที่สำคัญของประเทศ
(หมายถึงระดับจังหวัด) ควรมีการจัดตั้งคณะทำงานวางแผนการผลิตข้าวและการจัดการข้าวในแต่ละจังหวัด
เพื่อการส่งเสริมและจัดการอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะกับเกษตรกรที่ยากจนและมีรายได้ต่ำ
รวมทั้ง การเผยแพร่ต้นแบบการผลิตการเกษตรตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและการฝึกอบรมอย่างเป็นรูปธรรมในแต่ละภาค
ควบคู่ไปกับการฝึกอบรมอาชีพอื่นๆ นอกฤดูการทำนา ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล
- การกำกับดูแลค่าเช่านาตาม พ.ร.บ.
ค่าเช่านาให้เกิดความเป็นธรรม
ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในร่างแผนพัฒนาฯ ฉบับที่
12 ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและการแข่งขันอย่างยั่งยืน
และยุทธศาสตร์ที่ 8 วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม
เหตุผลสนับสนุน เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้ภาคเกษตรและเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
แม้ว่าสัดส่วนของภาคเกษตรต่อ GDP
โดยรวมจะลดลงอย่างต่อเนื่องก็ตาม
4.
ประเด็นข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนา การใช้แหล่งเงินทุนที่ได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสาร
(รายได้รัฐจากการประมูลระบบ 3G และ 4G) ให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในด้านต่างๆ
โดยผ่านเครื่องมือในการสื่อสาร โดยนำรายได้ส่วนหนึ่งมาพัฒนาเทคโนโลยี เช่น
ร้อยละสิบของการประมูลมาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อการพัฒนาและการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรม
ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และสื่อใหม่ต่างๆ โดยมีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายด้านการกำกับการสื่อสารของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งจะส่งผลย้อนกลับให้อุตสาหกรรมการสื่อสารขยายตัวเพิ่มขึ้น
ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องในร่างแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 12 ยุทธศาสตร์ที่ 8 วิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม
เหตุผลสนับสนุน ในยุคต่อไปในระยะ 20
ปีข้างหน้าเป็นยุค Digital
Economy ประชาชนคนไทยจะมีการเรียนรู้ผ่านโทรศัพท์มือถือ และสื่อใหม่ต่างๆ
เพิ่มขึ้น เช่น Social media, Mobile Application เป็นต้น
จึงจำเป็นต้องใช้แหล่งเงินทุนจากการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยีในด้านต่างๆ
ต่อสาธารณะผ่านโทรศัพท์มือถือ และสื่อใหม่ต่างๆ ทั้งในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตร
การศึกษา การสาธารณสุข (การส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม) การประกอบธุรกิจ SMEs การนำเข้า-ส่งออก การเมืองการปกครอง เป็นต้น
ทั้งนี้ ความเห็นและข้อเสนอแนวทางดังกล่าวข้างต้น
ได้ถูกส่งไปยังเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 โดยหวังว่าทาง สศช. จะนำไปใช้ประโยชน์ในการออกร่างแผนพัฒนาฯ
ฉบับที่ 12 ต่อไป
--จบ--