สังคมนมแม่ รากฐานสำคัญของสุขภาพทารก ตั้งเป้าครึ่งหนึ่งของเด็กไทยได้กินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในการ

เป็นประธานงานแถลงข่าวการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นรากฐานสำคัญของสุขภาพทารก เพราะนมแม่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ เป็นวัคซีนหยดแรกในการสร้างภูมิคุ้มกันของทารก เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระดับสติปัญญาส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กต่อเนื่องยาวนาน

จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทยปี 2562 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ พบมีเด็กไทยเพียงร้อยละ 34 ที่ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และมีเพียงร้อยละ 14 ที่ได้กินนมแม่เพียงอย่างเดียวช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต กระทรวงสาธารณสุขจึงมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กไทยทุกคนได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ กินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด กินนมแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิตและกินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตั้งเป้าปี 2568 เด็กไทยร้อยละ 50 จะได้กินนมแม่อย่างเดียวถึง 6 เดือน โดยกรมอนามัย ร่วมกัยภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กรมอนามัย ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วม เพื่อช่วยกัน สนับสนุนนโยบายการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย พร้อมขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายที่องค์กรอนามัยโลกกำหนด รวมทั้ง ให้คุณแม่ทุกคนสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้สำเร็จ รวมพลังผลักดันให้ครอบครัว สังคมไทยเข้าสู่วิถีสังคมนมแม่ ให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเติบโต

อย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

ด้านแพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย กล่าวว่า มูลนิธิฯ เป็นองค์กรที่เกิดจากการรวมตัวของแพทย์ พยาบาล บุคลากรด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องและกลุ่มคุณแม่อาสา ที่เห็นประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ จากสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ที่ได้รับความสนใจจากแม่และสังคมลดลง จึงจับมือกับกรมอนามัยร่างยุทธศาสตร์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ขึ้น เพื่อให้การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็น “วิถีของแม่และสังคมไทย” นอกจากนี้ ยังร่วมกับกรมอนามัย จัดการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติครั้งที่ 8 เรื่อง เสริมพลัง สร้างความรู้ สู่วิถีนมแม่ อย่างยั่งยืน โดยมีราชวิทยาลัยกุมารเวชศาสตร์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์ สภาการพยาบาล สมาคมโภชนาการเด็ก กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมด้วย เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และฟื้นฟูวิชาการการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ทันสมัย ในวันที่ 21-23 มีนาคม 2566 นี้ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ทาง www.thaibfconference.net ตั้งแต่วันนี้ถึง 6 มีนาคมนี้

ที่มา : https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG230223151558935


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar