เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อเนื่อง ด้าน ปมท. เน้นย้ำกลไกเชิงพื้นที่คือกำลังสำคัญ ต้องกวดขันอย่างจริงจัง

วันนี้ (30 ต.ค. 65) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า การประกาศสงครามกับยาเสพติดของฝ่ายความมั่นคง เเสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการป้องกันและเเก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อไม่ให้กัดกร่อนสร้างความเสียหายแก่สังคมไทย โดยได้ดำเนินการป้องกัน ปราบปรามและเเก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้ง การเฝ้าระวัง การจับกุม การปราบปราบ การบำบัดรักษา และการติดตามภายหลังการเข้ารับการบำบัด ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้บังคับใช้ทุกมาตรการในระดับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เข้มข้น ไม่มีวันหยุด เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาด และกวาดล้าง จับกุม การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อให้หมดไปจากสังคมไทยอย่างยั่งยืน

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า โดยวันนี้ กระทรวงมหาดไทยได้รับรายงานการดำเนินงานประกาศสงครามกับยาเสพติด รวมทั้งการดำเนินมาตรการที่เกี่ยวข้องจากพื้นที่ต่าง ๆ ในทุกช่องทางการสื่อสาร โดยมีตัวอย่างที่น่าสนใจมานำเสนอ ดังนี้

1. ที่จังหวัดขอนแก่น นายประจวบ รักษ์แพทย์ นายอำเภอเมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองร่วมกับ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผู้กำกับ สภ.เมืองขอนแก่น ทำการตรวจค้น กวาดล้างอาชญากรรม อาวุธปืน ยาเสพติดในพื้นที่ โดยแบ่งชุดปฏิบัติการร่วมกัน จำนวน 5 ชุด ซึ่งสามารถจับกุมผู้เกี่ยวข้องยาเสพติดจำนวน 8 คน  และได้นำตัวเข้ารับการบำบัด พร้อมขยายผล สืบสวนติดตามผู้ค้ายาเสพติดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งหนึ่งใน 8 ราย พบว่า มีกรณีผู้ป่วยยาเสพติด เสพยาเสพติดจนคลุ้มคลั่งเเละทำร้ายมารดาอายุ 55 ปี ของตนเอง จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ป่วยยาเสพติดรายดังกล่าวมีอาการผิดปกติทางสมองตั้งเเต่เป็นเด็ก โดยได้รับการรักษาโดยการผ้าตัดเส้นเลือดในสมองเเล้วต่อมาได้ถูกชักจูงจนเป็นผู้เสพยาเสพติดซึ่งทำให้บุตรชายมีอาการผิดปกติ จากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในพื้นที่ ได้ทำการขยายผลจนสืบทราบว่า ในหลายหมู่บ้านมีการซื้อขายยาบ้า และได้รับฟังเสียงสะท้อนจากกลุ่มชาวบ้านว่ามีความต้องการให้ฝ่ายความมั่นคงขยายผลหลังดำเนินคดีแล้ว พร้อมขอให้มีกระบวนการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติด ซึ่งทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป

2. ที่จังหวัดอุทัยธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี สถานีตำรวจ 11 แห่ง และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดฯ ได้ร่วมกันระดมกวาดล้างจับกุม ตั้งแต่วันที่ 10 - 29 ตุลาคม 2565 (รวม 20 วัน) สามารถจับกุมความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 234 ราย ความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน 38 ราย อาวุธปืน 38 กระบอก และจับกุมบุคคลตามหมายจับ จำนวน 22 ราย โดยหนึ่งในคดีความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน เกิดขึ้นในเขตพื้นที่ สภ.เขาบางแกรก เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 เวลาประมาณ 22.00 น. เป็นคดีที่เด็กชายอายุ 15 ปี ก่อเหตุพยายามฆ่า โดยใช้อาวุธปืนไม่มีทะเบียน ยิงบุคคลในครอบครัวได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 คน จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุ ทะเลาะวิวาทและมีปากเสียงกัน ก่อนผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น ขนาด 12 ยิงออกไปยังกลุ่มเครือญาติ จำนวน 1 นัด ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 ราย มีอาการปลอดภัยพันขีดอันตรายแล้ว ขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.เขาบางแกรก ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับกุมผู้ก่อเหตุยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุทัยธานี เพื่อทำการจับกุมผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งสืบสวนขยายผลแหล่งที่มาของอาวุธปืนไม่มีทะเบียน ซึ่งเป็นของกลางที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อดำเนินการต่อไป

3. ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุดปฏิบัติการรักษาความสงบเรียบร้อย ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาค 4 และนายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ผอ.รมน.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.อ.ฐิติพงษ์ อินวะษา รอง ผบ.มทบ.45, นายมนตรา พรมสินธุ ปลัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี, พ.อ.นุกูล ดำสุวรรณ หน.ชป.ปส.ทภ.4/กอ.รมน.ภาค 4 และนางสาวศริญดา ปาลคะเชนทร์ ป้องกันจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยได้รับการแจ้งเบาะแสว่า มีพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.คลองท่อม จ.กระบี่ ติดต่อจะขายยาเสพติดให้เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงร่วมกันวางแผน และได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ เพื่อทำการจับกุม ผู้ค้าค้ายาเสพติด 2 ราย คือ นายฉัตรชัย หรือบิ๊ก อักขะบุตร อายุ 35 ปี และนางสาวจิรภา หรือแอน คีรีรักษ์ อายุ 42 ปี ภรรยา พร้อมของกลางยาบ้า 15,374 เม็ด ในข้อกล่าวหา ร่วมกันจำหน่ายเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน, ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองท่อม จ.กระบี่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

4. ที่จังหวัดสิงห์บุรี นายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี มอบหมายให้ นายดอน จิตรวงษ์ ป้องกันจังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำกำลังสมาชิก อส. (ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดสิงห์บุรี) ร่วมบูรณาการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสิงห์บุรี ดำเนินการจับกุมผู้ค้า/ผู้เสพยาเสพติดในพื้นที่อำเภออินทร์บุรี นายอ๊อด อายุ 61 ปี พร้อมด้วยของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 98 เม็ด ในข้อกล่าวหาว่า มีไว้ในความครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) การกระทำเพื่อการค้าและการก่อให้เกิดการแพร่ระจายในกลุ่มประชาชน,เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย โดยได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.อินทร์บุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

5. ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายกองโทสังคม คัดเชียงแสน ผบ.ร้อย อส.อ.แม่สะเรียงที่ 3 ได้มอบหมายให้ นายหมวดตวงสิทธิ์ ประทินสุขอำไพ ผช.ผบ.ร้อย อส.อ.แม่สะเรียงที่ 3 นำกำลังสมาชิก อส. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรท่าตาฝั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 337 บูรณาการร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และค้นหาผู้เสพ ผู้ค้า ผู้ติดยาเสพติด และผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (Re X-Ray)โดยสามารถตรวจยึดอาวุธปืนยาวชนิดประดิษฐ์เอง (ปืนแก็บยาว) จำนวน 1 กระบอก บริเวณป่าละเมาะถนนสายบ้านห้วยโผ-แม่กองคา ม.6 ต.แม่ยวม อ.แม่สะเรียง ไม่พบบุคคลผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จึงได้ยึดของกลางส่งพนักงานสอบสวนและขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

6. ที่จังหวัดลพบุรี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เปิดเผยว่า ว่าที่ร้อยตรี ทรงพล แป้นแก้ว นายอำเภอเมืองลพบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง สมาชิก อส. ร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลเขาพระงาม ตำบลทะเลชุบศร และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ทำการค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด/ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ เพื่อค้นหาผู้เสพ จำนวน 10 ราย และ นำส่งเข้าสู่กระบวนการบำบัด โดยสามารถจับกุมผู้ค้ายาเสพติด 2 ราย ยาบ้า 4,263 เม็ด โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตและพยายามจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

"กระทรวงมหาดไทย มีกลไกการทำงาน โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และภาคีเครือข่าย ต้องใช้กลไกเชิงพื้นที่ให้เป็นกำลังที่สำคัญในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งจะต้องเร่งรัดดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อนำไปสู่การปราบปรามยาเสพติดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย และเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายหลังจากการเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ต้องทำงานเป็นทีมด้วยความสามัคคี เหมือนแขนงไม้ไผ่ที่มัดรวมกันทำให้ต้องใช้กำลังเป็นอย่างมาก ในการหัก ดังนั้น การช่วยทำให้ยาเสพติดหมดไปพร้อมกับการคืนคนดีสู่สังคมที่ยั่งยืนได้นั้นจะต้องอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือการบูรณาการจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาเป็นพลังในการขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนในทุกมิติ อันจะเป็นการ Change for Good อย่างแท้จริง ทั้งนี้ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนพบเบาะแสยาเสพติดขอให้แจ้งมาที่สายด่วน ศูนย์ดำรงธรรม 1567 เพื่อเร่งดำเนินการต่อไป" ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวทิ้งท้าย


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar