ผวจ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจเหตุพนังกั้นน้ำขาด ในพื้นที่ อ.ราษีไศล สั่งเร่งดำเนินการป้องกันและซ่อมแซมพื้นที่เสียหายโดยด่วน

วันนี้ (25 กันยายน 2565) เวลา 15.30 น. ณ พื้นที่ตำบลด่าน อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ ลงพื้นที่ตรวจติดตามเหตุพนังกั้นน้ำขาดบนเส้นทางแยกจากถนนสายราษีไศล -โพนทราย ไปยังบ้านดงเค็ง ตำบลหนองบัวดง อำเภอศิลาลาด โดยมี นางผ่องศรี แซ่จึง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ เขต 8 นายภานรินทร์ ภาณุพินทุ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลล่าง ผู้แทนนายอำเภอราษีไศล นายจรูณ สาลีวัน สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลด่าน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยม

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า เหตุพนังกั้นน้ำขาดดังกล่าวเกิดจากในช่วงนี้ฝนตกหนัก ทำให้แม่น้ำมูลล้นตลิ่ง มวลน้ำเข้าปะทะแนวพนังกั้นน้ำทำให้เกิดความเสียหายประมาณ 130 เมตร และยังส่งผลทำให้น้ำทะลักจากลำน้ำเสียวเข้าท่วมพื้นที่เกษตรกรรมของราษฎรในพื้นที่บ้านหนองแห้ว ตำบลด่าน อำเภอราษีไศล และมีพื้นที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมรวม 4,000 ไร่ 1 ตำบล 6 หมู่บ้าน 200 ครัวเรือน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 2,000 คน ซึ่งประชาชนทั้งหมดได้อพยพโดยอาศัยกับญาติๆ ในพื้นที่บริเวณใกล้เคียง และอำเภอได้จัดจุดพักพิงชั่วคราว 3 จุด คือ วัดบ้านด่าน โรงเรียนบ่านด่าน และ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล ขณะนี้ ทุกภาคส่วนได้ระดมเครื่องจักร ในการซ่อมพนังกันน้ำ คาดการณ์ว่าหากไม่มีมวลน้ำเข้ามาเพิ่มเติม สถานการณ์จะคลี่คลายภายใน 2 วัน

นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ มวลน้ำยังได้ไหลผ่านท่อลอดข้ามไปยังพื้นที่เกษตรกรรมฝั่งทิศใต้ของถนนเส้น ทางหลวงหมายเลข 2086 (ถนนเชื่อมระหว่างอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ - อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด) ซึ่งเป็นเหตุให้เสาไฟฟ้าล้ม จำนวน 3 จุด โดยขณะนี้ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ตัดกระแสไฟฟ้าแล้วและอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการแก้ไขให้สามารถใช้การได้โดยเร็ว อีกทั้ง ได้รับความร่วมมือจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลกลาง ในการบูรณาการร่วมกับอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนทุกภาคส่วน เร่งรัดดำเนินการป้องกันการไหลทะลักของน้ำ รวมทั้งซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วเพื่อป้องกันความเสียหายในพื้นที่เกษตรกรรม อีกทั้ง ได้มีการแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังอันตรายจากการสัญจรในเส้นทางดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ จังหวัดศรีสะเกษจะได้วางแผนในการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟู เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติต่อไป สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาอุทกภัยสามารถแจ้งขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 1784 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/59654


Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar