ผู้ประกอบการ Thai SME GP อุตสาหกรรมดิจิทัลและการแพทย์คึกคัก พบผู้ซื้อจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 40 ราย คาดว่าจะเกิดการซื้อขายกว่า 50 ล้านบาท

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดงาน Digital Transfer Matching Day สำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัล และงาน Medical Showcase & Networking ให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งได้คัดเลือกผู้ประกอบการนำสินค้าและบริการเข้าร่วม Showcase กว่า 80 บริษัท โดยเชิญผู้ซื้อจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจกว่า 40 รายเข้าร่วมในการซื้อขายภายในงาน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ณ ศุลาลัย ฮอลล์ ไอคอนสยาม

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า “ตามที่กรมบัญชีกลาง ปรับปรุงแนวทางปฏิบัติตามกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) ซึ่งให้แต้มต่อกับ SMEs สำหรับผู้ประกอบการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) จะต้องมีคุณสมบัติเป็นเอสเอ็มอีตามนิยามที่ สสว. กำหนด คือ ถ้าเป็นผู้ประกอบการในภาคการผลิตต้องมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี ถ้าอยู่ในภาคการค้า/บริการ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี โดยจะต้องขึ้นทะเบียนในเว็บไซต์ www.thaismegp.com และได้รับหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการเสนองานเรียบร้อยแล้ว

ในปีนี้ สสว.ได้จัดทำโครงการพัฒนายกระดับผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ใน 3 อุตสาหกรรมเป้าหมาย คือ อุตสาหกรรมการแพทย์, อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมการบินและชิ้นส่วนอากาศยาน

สำหรับความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในการยกระดับ 2 อุตสาหกรรม คือ อุตสาหกรรมการแพทย์และดิจิทัล ในครั้งนี้ก้ได้สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs กว่า 1,750 ราย ได้ทราบถึงกฎกระทรวงดังกล่าว และทราบถึงแนวทางในการเป็นคู่ค้ากับภาครัฐได้มากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับคัดเลือกให้เข้าสู่การพัฒนาเตรียมความพร้อมเชิงลึกเพื่อให้มีความพร้อมในการยืนเสนองานภาครัฐได้ ทั้งนี้ การสร้างโอกาสในการได้นำเสนอสินค้าและบริการให้กับผู้สนใจในครั้งนี้ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีที่ผู้ประกอบการจะได้มีโอกาสได้แนะนำสินค้าและบริการต่างๆ ให้กับผู้ซื้อที่เป็นหน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน รวมไปถึงโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสทางการค้าต่อในอนาคต”

นายอภิชิต  ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การจัดกิจกรรมเชื่อมโยงการตลาด เป็นการสร้าง Networking ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายของอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุปกรณ์การแพทย์ในครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ดีมากๆ ที่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจาก สสว. ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัยมานานไม่ว่าจะเป็น COVID-19, ผลกระทบจากต้นทุนด้านพลังงาน และค่าแรงงานที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น  การสร้างโอกาสทางการค้า การหาตลาดเพิ่ม เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs โดยเฉพาะตลาดภาครัฐที่มีงบประมาณการจัดซื้อค่อนข้างแน่นอนในแต่ละปี ยิ่ง SMEs ได้แต้มต่อ 10% เพิ่มเติมตามกฎกระทรวงฯ รวมถึงรายที่ได้การรับรอง Made in Thailand ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันการทำงานและการสื่อสารเข้าสู่รูปแบบดิจิทัลกันเกือบทั้งหมด ดังนั้นผู้ประกอบการ SME ไทยในอุตสาหกรรมดิจิทัลและเกี่ยวเนื่องก็มีโอกาสในการขยายตลาดเพิ่มขึ้น หน่วยงานต่างๆ โดยเฉพาะภาครัฐก็เริ่มปรับระบบสู่ดิจิทัลกันมากขึ้น ซอฟต์แวร์การบริหารงานในสำนักงาน หรือระบบการประชุมปัจจุบันก็เป็นรูปแบบออนไลน์เกือบ 100% ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพในการผลิตสินค้าและบริการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ทุกรูปแบบ

สำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์การแพทย์ก็เช่นกัน เราก็คาดหวังว่าหน่วยงานหรือโรงพยาบาลต่างๆ จะได้เห็นศักยภาพของผู้ประกอบการไทยที่มีการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการได้มาตรฐานและคุณภาพมากขึ้น ถือเป็นอีกทางเลือกให้ทางโรงพยาบาลได้พิจารณานำไปใช้ให้บริการ

โดยการจัดกิจกรรม Digital Transfer Matching Day สำหรับอุตสาหกรรมดิจิทัล และงาน Medical Showcase & Networking ให้กับอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งได้คัดเลือกผู้ประกอบการนำสินค้าและบริการเข้าร่วม Showcase กว่า 80 บริษัท มีสินค้าและบริการทางด้านดิจิทัลต่างๆ มานำเสนอในงาน อาทิ AI, Software ระบบ Training , ROBOT, ERP, แพลตฟอร์มการสื่อสารในสำนักงาน, อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องประชุมระบบดิจิทัล  สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ มีสินค้าในกลุ่ม ครุภัณฑ์ทางการแพทย์, เวชภัณฑ์และอุปกรณ์เครื่องมือ, ชุดน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค, ซอฟแวร์ระบบบริหารจัดการโรงพยาบาล การแจ้งเตือน ติดตามผู้ป่วย/ผู้สูงอายุ และครุภัณฑ์-เวชภัณฑ์ทันตกรรม โดยมีผู้ซื้อจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจกว่า 40 รายเข้าร่วมในการซื้อขายภายในงาน ซึ่งคาดว่าจะเกิดมูลค่าการซื้อขายกว่า 50 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนใด สนใจที่จะสนับสนุนสินค้าผู้ประกอบการ SMEs ไทย หรือมองหาสินค้าด้านดิจิทัลหรือการแพทย์อยู่ สามารถติดต่อมายังสภาอุตสาหกรรมฯ เพื่อประสานจัดหาสินค้าและบริการให้กับท่านได้ตลอดที่เบอร์ 1453”

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ สถาบัน SMI สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย Call Center 1453 แจ้งติดต่อโครงการ Thai SME GP

 


image รูปภาพ
image
image
image
image
image
image

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar